Page 44 - สังคมมนุษย์
P. 44
13-34 สังคมมนุษย์
2) พิจารณาถึงเหตุผลในเรื่องเอาใจเขามาใส่ใจเรา เทียบเคียงกันและกัน คนท่ีจะเห็นอก
เห็นใจผู้อ่ืนได้น้ัน มักจะรู้เทียบเคียงอกเขาอกเราเสมอ จะเป็นการฝึกไม่ลืมตน และยังสามารถท�ำตนให้
เป็นท่ีนยิ มรกั ใครข่ องคนทงั้ หลายได้ เพราะคนที่ลืมตนนนั้ เมอื่ ตนเองเปน็ ฝา่ ยได้เปรยี บ เปน็ ฝา่ ยเหนือคน
อน่ื กม็ ักจะขม่ ขหู่ รอื เหยีบผู้อื่นโดยปราศจากความปรานี
ปัญหาโสเภณี สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวิชรญาณโรรส ได้ทรงรจนาไว้ในหนังสือ
เบญจศลี เบญจธรรม เก่ยี วกับปัญหาโสณี ไวด้ ังนี้
1) ตอ้ งเสยี ทรพั ยเ์ ปน็ คา่ บำ� เรอหญงิ นน้ั ทกุ คราวไป ทรพั ยท์ เ่ี สยี ไปน้ี ไมใ่ ชส่ ำ� หรบั ทำ� อปุ การะ
โดยฐานเมตตาที่ได้ชอ่ื ว่าเป็นอันจ่ายดว้ ยดี แต่เปน็ คา่ ปรับเพราะลุอ�ำนาจแกก่ เิ ลสกาม
2) เป็นบอ่ เกดิ แห่งโรค อันท�ำใหร้ ่างกายพกิ ารไปตา่ งๆ เสยี กำ� ลงั ไมแ่ ข็งแรง ท่สี ดุ เสียชีวิต
และโรคนตี้ ดิ ตอ่ กนั ได้ มีบุตรภายหลงั แต่เปน็ คนมักมีโรค ไมแ่ ข็งแรง
ตามทรรศนะทางพทุ ธศาสนาแล้ว การจะแกป้ ัญหาอะไรก็ตามจะต้องแก้ทต่ี น้ เหตุ แก้กนั ไปให้ถึง
ตน้ เหตจุ รงิ ๆ น่าจะไดส้ าวหาตน้ เหตุของการเกิดโสเภณอี ยา่ งแทจ้ ริง น่าจะเปน็ ไปได้ท่ีวา่ เพราะตราบใด
ยงั มคี นไปเทย่ี วโสเภณี ตราบนน้ั กต็ อ้ งมโี สเภณแี น่ และหากยง่ิ มคี นไปใชบ้ รกิ ารนมี้ าก กย็ งิ่ เกดิ โสเภณมี าก
ย่งิ ขึ้น แล้วทำ� ไมจึงมคี นถงึ มีอารมณ์ทางเพศรุนแรงเพิ่มขึน้ กเ็ พราะ
1) สภาพสงั คมทอี่ ยรู่ อบตวั เรานน่ั เองสง่ เสรมิ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ทางสอ่ื มวลชน ไมว่ า่ จะเปน็
ภาพยนตร์ วิดีโอ ละคร เพลง การโฆษณา การจัดประกวดนางงามธิดาต่างๆ การกีฬา หนังสือพิมพ์
รายวนั หนงั สือลามกต่างๆ ทงั้ ของเด็กและผ้ใู หญ่ มีการเผยแพร่ยัว่ ยกุ ามราคะจดั ยิ่งขึน้ ฉะนัน้ ตราบใดที่
การสื่อสารต่างๆ ยังป้อนภาพ-เสียง-สัมผัสที่เร่งเร้า ปลุกอารมณ์ทางเพศให้ระอุฮือโหมแก่ประชาชนอยู่
ตลอดเวลาแล้ว ตราบนั้นปัญหาโสเภณีย่อมไม่มีวันลดน้อยลงไปได้ และโสเภณีมีแต่จะถูกเพ่ิมจ�ำนวนให้
มารองรบั อารมณก์ ามของผชู้ ายมากขนึ้ พรอ้ มกนั นนั้ สอื่ สารลามกตา่ งๆ กจ็ ะออกมาเอาใจลกู คา้ กามตณั หา
กเ็ พมิ่ ทวคี ณู ยิ่งข้ึนไปอีก
2) ตวั บคุ คลแตล่ ะคน พระพทุ ธเจา้ ไดต้ รสั เตอื นใหร้ กั ษาศลี 5 เปน็ นจิ ศลี สำ� หรบั บคุ คลทว่ั ไป
มใิ หข้ าดมใิ หท้ ำ� ลาย ซง่ึ ในศลี 5 นน้ั มขี อ้ ท่ี 3 ทใี่ หม้ เี จตนางดเวน้ จากประพฤตผิ ดิ ในทางกามมรี ายละเอยี ด
ดงั กลา่ วไวใ้ นบทท่ี 2 ขอ้ ทวี่ า่ ดว้ ยเบญจศลี เบญจธรรม เมอ่ื งดเวน้ จากการประพฤตใิ นกามนเี้ ปน็ ขน้ั ของศลี
แต่จะมีธรรมควบคู่ด้วย คือ จะต้องมีกามสังวร ปติวัตร (ความภัคดีต่อสามี) และสทารสันโดษ (ความ
พงึ พอใจในคคู่ รองของตน) เพราะฉะน้นั บคุ คลแตล่ ะคนนีแ้ หละทเ่ี ปน็ ตน้ เหตุอันแทจ้ ริงของการเกิดโสเภณี
เพราะบุคคลแต่ละคนขาดธรรมคือกามสังวร ซ่ึงพระพุทธองค์ได้ทรงแนะน�ำให้ “สังวรในกาม คือกิริยาท่ี
ระมดั ระวงั ไมป่ ระพฤตมิ กั มากในกาม” กเ็ พราะในดา้ นของปจั เจกชน หากไมม่ คี วามสงั วรในกามแลว้ จติ ใจ
กจ็ ะหาความสงบมไิ ด้ จะมคี วามกระวนกระวายแสวงหากามอยเู่ รอื่ ยไป ทง้ั จะวจิ ติ รพศิ ดารขน้ึ เรอื่ ยๆ อยา่ ง
ไม่มขี อบเขต เพราะว่าการเสพกามจะทำ� ใหเ้ ต็มอม่ิ นั้นไมไ่ ด้ มนั ไมเ่ หมอื นกบั การกนิ ข้าว ที่กินแล้วยงั รู้จกั
อม่ิ แตก่ ารเสพกามนเี้ หมอื นกบั ยาเสพตดิ อยา่ งหนง่ึ คอื ยง่ิ เสพกย็ ง่ิ ตดิ วธิ กี ารทฉ่ี ลาดกวา่ ในการทจ่ี ะทำ� ให้
อ่มิ ในกามใหเ้ กดิ ข้นึ ก็คือ วิธีตามแนวพุทธศาสนา คอื การเสพกามให้น้อยลง น้อยลงเรื่อยๆ จนหยดุ ไปเอง
การจะถือหลักที่วา่ “น�้ำมีไหล ไฟมคี วนั ชายมีนารี สตรีมีบรุ ษุ ” ก็เป็นธรรมดาของปุถชุ น
เพราะเม่อื เป็นผ้ใู หญจ่ บการศึกษามหี นา้ ทกี่ ารงานแล้วก็สามารถมคี รอบครวั คอื มีสามี หรือภรรยา เปน็