Page 51 - พื้นฐานสังคมเเละวัฒนธรรมเขมร
P. 51
ความรเู้ ก่ียวกับสงั คมและวฒั นธรรมเขมร 1-41
เรื่องที่ 1.3.2
ขอบข่ายการศึกษาวฒั นธรรม
การศกึ ษาวัฒนธรรมเปน็ การศกึ ษาความคดิ ความเชือ่ และภมู ปิ ัญญาของคน ท่ีเกดิ จากการสั่งสม
ประสบการณ์และความสัมพันธ์ของคนท่ีอยู่ร่วมกันจนหลอมรวมเป็นวัฒนธรรม เน้ือหาในหน่วยและ
เอกสารการสอนชดุ วิชาน้ไี ดก้ าหนดขอบขา่ ยการศึกษาวัฒนธรรมเขมรดงั ต่อไปนี้
1. ความเช่ือและศาสนา
ความเช่ือและศาสนาเปน็ สว่ นหน่ึงของวัฒนธรรมอย่างแยกไม่ออก โดยก่อให้เกิดวัฒนธรรมหรอื
ประเพณีอีกหลายด้าน คนเขมรมีความเชื่อดั้งเดิมเกีย่ วกบั ธรรมชาติและความเช่ือเรือ่ งผี ความเช่ือเกี่ยวกบั
ธรรมชาติสะท้อนถึงการพยายามหาคาตอบของคนในอดีตที่มีต่อส่ิงรอบตัว ทั้งภูเขา ดิน ป่าไม้ ฯลฯ
นอกจากความเชื่อแล้วยงั มีการสร้างสัญลักษณ์เพื่อแสดงถงึ ความเคารพบชู าต่อสิ่งทเี่ ชื่อถือ ส่วนความเชอื่
เรื่องผี แบ่งเป็นผคี ุ้มครอง ท่คี อยดแู ลปกปอ้ งบา้ นเมอื งและชุมชนใหป้ ลอดภยั ผบี รรพบุรุษ เป็นผ้เู สียชีวิต
ไปแล้ว โดยเป็นเครือญาติของคนในชุมชนที่คอยรักษาและดูแลลูกหลาน ผีร้าย เป็นผีที่สร้างความ
เดือดร้อนหรือทาร้ายมนุษย์ ความเช่ือเร่ืองผีในวัฒนธรรมเขมรบางส่วนมีความคล้ายคลึงกับไทย เช่น
ความเชื่อเก่ียวกับผีปอบ ผีกระสือ เปรต แต่บางส่วนก็สะท้อนความเชื่อท่ีมีลักษณะเฉพาะของคนเขมร
เชน่ เนียะตา มเรญิ คองเวียล ฯลฯ
ในปัจจุบันศาสนาพุทธแบบเถรวาทเป็นศาสนาประจาชาติท่ีระบุในรัฐธรรมนูญ ศาสนาดังกล่าว
ก่อให้เกิดวิถีปฏิบัติทางสังคมหลายประการ ท้ังวิถีปฏิบัติทางศาสนาในวันสาคัญ อาทิ วันวิสาขบูชา วัน
มาฆบูชา หรือกระทั่งวันพระ คนเขมรยังคงวิถีปฏิบัติของชาวพุทธ ศาสนาสาคัญในอดีตอีกศาสนาคือ
พราหมณ์-ฮินดู ท่ีก่อให้เกิดศาสนสถานมาต้ังแต่ยุคโบราณ โดยมีแนวคิดตามคติความเช่ือว่าการสร้าง
ปราสาทเป็นการสร้างบุญกุศล เพื่อบูชาเทพ นอกจากศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์-ฮินดูแล้ว
คนเขมรบางสว่ นก็ยงั นับถือศาสนาอ่นื ท้งั ศาสนาอสิ ลามทเี่ ปน็ คนเช้อื สายจาม หรอื ศาสนาครสิ ต์ ทเ่ี ผยแผ่
เขา้ มาในเขมรประมาณห้าร้อยปีที่ผา่ นมานี้