Page 64 - สื่อศึกษา
P. 64

6-54 ส่อื ศึกษา
       แนวทางแรก การใหค้ วามสนใจต่อพฤติกรรมการตอบสนองของปัจเจกชนต่อส่งิ ทต่ี นสนใจ ตาม

แนวทางพฤตกิ รรม (behavioral paradigm) แนวทางน้ีมักจะวางอยู่บนจิตวิทยาการส่ือสาร ท้ังกรณีของ
สอื่ สง่ ผลกระทบ และการทผี่ รู้ บั สารหรอื แฟนสามารถเลอื กใชส้ อ่ื ตามความพอใจ นอกจากนนั้ ยงั อาจพจิ ารณา
ไปถึงพฤตกิ รรมการรับชมของปัจเจกชนวา่ มีลักษณะอยา่ งไร

       แนวทางท่ีสอง การให้ความสนใจต่อการครอบง�ำและการต่อต้าน (incorporation/resistance
paradigm) แนวทางน้ีสนใจอ�ำนาจทั้งการครอบง�ำและการต่อต้าน กล่าวคือ ในด้านหน่ึง สังคมก�ำหนด
ความหมายให้กบั ผรู้ ับสาร เช่น เพศ เชือ้ ชาติ ชนชน้ั แตใ่ นเวลาเดยี วกัน เมอ่ื ผรู้ ับสารบริโภคก็ยังสามารถ
ต่อสู้ต่อรองความหมายได้ โดยเฉพาะการต่อสู้ความหมายในชีวิตประจ�ำวัน เช่น การรวมกลุ่มของแฟน
บอลเยอรมันจนกระทัง่ สามารถตอ่ สู้ตอ่ รองเรยี กร้องใหส้ ถานีโทรทศั น์ถ่ายทอดฟตุ บอล

       แนวทางนี้มักจะเป็นส�ำนักวัฒนธรรมศึกษาให้ความสนใจ ดังกรณีของเจนกินส์ (Jenkins) การ
ศกึ ษาเรมิ่ ขยบั ไปสกู่ ารตง้ั คำ� ถามเรอ่ื งมติ เิ ชงิ อำ� นาจของผรู้ บั สาร ทไ่ี มเ่ พยี งการรบั สอื่ แตก่ า้ วไปสกู่ ารวจิ ารณ์
การวพิ ากษ์ การตอ่ รองเชิงอำ� นาจ และการสร้างสือ่ ใหม่ (ซงึ่ จะเป็นหวั ใจของการศกึ ษาในแนวทางถัดไป)

       และแนวทางที่สาม การให้ความสนใจต่อการดูการแสดงออก (spectacle/performance para-
digm) แนวทางนตี้ า่ งจากแนวทางทสี่ อง คอื แนวทางนอ้ี าจจะไมไ่ ดใ้ หค้ วามสนใจตอ่ อ�ำนาจ การเปน็ แฟน
อาจมิได้มีนัยของอ�ำนาจการต่อต้านเสมอไป แต่จะมุ่งเน้นการที่ผู้รับสารสามารถเป็นผู้ผลิตจากการรับชม
เพราะความช่นื ชอบ ความสนใจของตนเอง เช่น การไปชมศิลปนิ ท่ีตนชืน่ ชอบ การผลิตนยิ ายตอ่ จากเรื่อง
ทอ่ี า่ นดว้ ยตนเอง การสรา้ งชมรมหรอื แฟนคลบั และชว่ ยสรา้ งความเปน็ อตั ลกั ษณห์ รอื ตวั ตนของแฟนคลบั
ด้วยเหตุนี้ ผูร้ ับสารจึงเริ่มกา้ วไปสู่การเป็นผผู้ ลิต แนวคดิ ดงั กล่าว เจนกินส์ (Jenkins) ไดใ้ ห้ความสนใจ
และพัฒนาเป็นแนวคิด โพเชอร์ (Poacher) ซึ่งมองว่า ผู้รับสารสามารถยึดครองผลผลิตของสื่อมวลชน
เช่น ตัวบท ดารา ศลิ ปนิ นกั ร้อง ท้งั การตีความตวั บทเดิมแลว้ ยงั สามารถสร้างตวั บทใหม่ๆ ข้ึนมาจาก
ตวั บทเดิมไดด้ ้วย ดังกรณีของการเขยี นนยิ ายจากภาพยนตรท์ ีต่ นไดร้ บั ชม

       จากแนวทางดงั กลา่ ว อเบอรค์ รอมบยี ์ และลองเฮิร์ต (Abercrombie and Longhurst) (อ้างถึง
ใน กาญจนา แก้วเทพ, 2555) สามารถจัดกลุม่ แฟนออกเป็นสามกลุ่มคือ

       กลุ่มแรก แฟนในลักษณะความเป็นปจั เจกบคุ คล (fan) จะเปน็ แฟนทม่ี ลี กั ษณะเป็นปจั เจกบคุ คล
ชนื่ ชอบศิลปนิ ดารา รายการเฉพาะ มลี ักษณะการใชส้ ่อื เป็นอย่างมาก แต่จะไม่เน้นการรวมกลมุ่ กบั แฟน
คนอื่นๆ

       กลมุ่ ทส่ี อง แฟนในลกั ษณะกลมุ่ ลทั ธพิ ธิ /ี กลมุ่ วฒั นธรรมยอ่ ย (cults or subcultures) จะมลี กั ษณะ
ต่างจากแบบแรก คือ รวมตัวกนั เป็นกลุ่มกอ้ น มีการพบปะแลกเปลี่ยนหมุนเวียนเน้อื หาเก่ยี วกับประเดน็
ทตี่ นสนใจ แต่จะมีลักษณะไม่คอ่ ยเป็นทางการ

       กลุ่มท่ีสาม แฟนทม่ี คี วามกระตอื รอื รน้ /ใฝใ่ จรกั ใคร่ (enthusiasm) แฟนกลมุ่ นส้ี นใจสอ่ื ทต่ี นสนใจ
อย่างสูง ค่อนข้างมีความรู้ความเช่ียวชาญในประเด็นอย่างสูง มีการจัดต้ังรวมกลุ่มเป็นทางการ มีความ
สมั พันธ์ทค่ี อ่ นขา้ งเหนยี วแนน่

       เจนกินส์ (Jenkins) (อ้างถึงใน กาญจนา แก้วเทพ, 2555) วิเคราะห์กลุ่มแฟนภาพยนตร์ซีรีส์
ทางโทรทศั นห์ ลายเรอ่ื ง เชน่ โปรเฟชชน่ั นัลส์ (Professionals) และเรอ่ื ง สตาร์เทรค (StarTrek) ในปี
   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69