Page 61 - สื่อศึกษา
P. 61
ผ้รู ับสาร 6-51
ขณะที่วัยรุ่น ผู้สูงอายุ และคนพลัดถิ่น เป็นคนกลุ่มน้อยที่พยายามต่อสู้และธ�ำรงอัตลักษณ์ของ
ตนเองด้วยการสื่อสารภายใต้การมองจากสังคมในเชิงลบ กลุ่มคนพิการ เช่น คนหูหนวกก็ถูกก�ำหนด
อัตลักษณ์ในเชิงลบไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน สังคมมักจะก�ำหนดอัตลักษณ์คนหูหนวกในฐานะเป็นเวรกรรม
น่าเวทนา การเจ็บป่วย การตอ้ งฟน้ื ฟู การสังคมสงเคราะห์ และในชว่ งหลังเร่มิ พฒั นาแนวคิดการยอมรบั
ความแตกต่าง ซ่ึงเร่ิมมองว่า คนหูหนวกก็เป็นหน่ึงในความหลากหลาย (ไวยวุฒิ วุฒิอรรถสาร, 2556)
แต่โดยส่วนใหญ่ก็ดูเหมือนว่า สังคมก็มักจะมองในเชิงลบเสียมากกว่า ด้วยเหตุนี้เอง กลุ่มคนที่เป็น
คนหหู นวก จงึ หนั มาใชก้ ารสอื่ สารเพอ่ื การสรา้ งอตั ลกั ษณต์ นเองเพอื่ ตอ่ สกู้ บั ความหมายในเชงิ ลบของสงั คม
ผา่ นการผลิตภาพยนตร์ส้นั โดยคนหูหนวก ดงั การศึกษาของมนตศ์ ักด์ิ ชยั วรี ะเดช (2557)
งานชิ้นนศี้ ึกษาโครงการอบรมภาพยนตรส์ ้ัน ไซเลนท์ ฟลิ ์ม (Si(gn)lent Film) คร้งั ท่ี 1 และ 2
ทเ่ี นน้ การผลติ ภาพยนตรส์ น้ั โดยคนหหู นวกเอง เพราะมองวา่ ภาพยนตรเ์ ปน็ สอื่ ทคี่ นหหู นวกเองกส็ ามารถ
เข้าใจได้เพราะเป็นภาษาภาพไม่ต่างจากภาษามือ อีกทั้ง คนท่ัวไปก็รับรู้ได้ เมื่อย้อนประวัติศาสตร์
ภาพยนตรก์ พ็ บวา่ ภาพยนตรใ์ นอดตี เปน็ หนงั เงยี บ จงึ เหมาะกบั คนหหู นวก และมนี กั แสดงหหู นวกเลน่ ใน
ภาพยนตร์ยคุ แรกด้วย เมอ่ื เป็นภาพยนตรเ์ สียง คนหูหนวกก็เรม่ิ ถูกลดความสำ� คญั ลง แต่ก็ยงั มขี ้อบงั คับ
การใช้ค�ำบรรยายใต้ภาพ (subtitle) เพื่อให้ได้เข้าใจ กระน้ันก็ตาม เนื้อหาในภาพยนตร์กระแสหลัก
ส่วนใหญ่ก็มักจะมองคนหูหนวกและคนพิการในสามรูปแบบ คือ น่าสงสาร วายร้าย และเป็นผู้มีความ
สามารถพิเศษ ทั้งนี้ ก็เพราะการมองบนจุดยืนคนไม่พิการ และท�ำให้เกิดการแบ่งแยก (ไวยวุฒิ
วุฒิอรรถสาร, 2561) ดังนัน้ โครงการผลิตภาพยนตร์ส้ันโดยคนหหู นวกนี้ จงึ นา่ จะเปน็ เครอื่ งมืออันดที จ่ี ะ
สอ่ื สารอตั ลกั ษณค์ นหหู นวกออกไปและทำ� ใหค้ นทวั่ ไปเขา้ ใจได้ ผลของอบรมไดภ้ าพยนตรส์ น้ั หกเรอ่ื งดว้ ย
กัน ได้แก่ Deaf & deaf, โว๊ย!!!, ตัวตนในโลกเงียบ, ฉันหึงนะ, ความฝันของโลกไร้เสียง และห้องนํ้า
อย่ตู าย
มนต์ศักดิ์ วิเคราะห์การผลิตภาพยนตร์สั้นของคนหูนวกในโครงการน้ีว่า นอกจากแสดงให้เห็น
ศกั ยภาพของการส่อื สารและผลิตสอื่ ภาพยนตร์ดว้ ยคนหูหนวกเองแลว้ ยงั เสนอมมุ มองของคนหูหนวกให้
กับคนหูดีได้รบั รู้ ตั้งแต่ปัญหาท่ีคนหหู นวกถกู กระท�ำ การท�ำให้เห็นความแตกต่างของการใช้ชวี ติ ของคน
หหู นวกและคนหดู ี โดยเฉพาะวิธีการส่อื สารด้วยภาษาพูดและภาษามอื นอกจากนน้ั หนังสน้ั บางเรือ่ งกย็ ัง
แสดงให้เห็นถึงชีวติ รสนิยมของคนหูหนวกที่ไมไ่ ด้ต่างไปจากชวี ติ ของคนทวั่ ไป เช่น ฉนั หึง และหอ้ งนํ้า
อยตู่ าย ซงึ่ เปน็ เรอื่ งราวของความรกั และความเชอ่ื เรอ่ื งผี นบั ไดว้ า่ ภาพยนตรส์ นั้ สามารถทำ� หนา้ ทสี่ อ่ื สาร
อตั ลักษณข์ องคนหหู นวกบนกรอบความคดิ ความหลากหลายได้อย่างดี ทำ� ใหเ้ หน็ ถงึ วถิ ีชวี ติ ที่มที งั้ เหมือน
และการใช้ภาษาทตี่ ่างไปจากคนท่วั ไป อนั จะน�ำไปสู่การสร้างความเข้าใจและการยอมรับคนหูหนวก
การศึกษาอัตลักษณ์และคนกลุ่มน้อยเหล่าน้ีก้าวไปจนถึงการมองผู้รับสารในฐานะการเป็นผู้ผลิต
ความหมายและต่อสู้ความหมายเพ่ือแสดงอัตลักษณ์ของตนเองจากการที่ถูกสังคมกดทับอยู่ นักวิชาการ
ร่นุ หลังเฉกเช่น นักสือ่ สารเพอื่ การพฒั นา (development communication) และกลมุ่ มารกซ์ ิสม์รนุ่ หลัง
กเ็ รม่ิ หยบิ เอาแนวทางดงั กล่าวมาพฒั นาให้คนกลุม่ น้อยเหล่าน้ี เชน่ เด็ก สตรี คนชรา รวมถงึ กรณีของคน
พิการไดห้ นั มาเปน็ ผสู้ ่ือสารด้วยการเสรมิ พลงั (empower) เพอ่ื ใหเ้ ขาเหลา่ นนั้ ไดม้ สี ิทธมิ ีเสยี งในการต่อสู้
เพือ่ ยนื ยนั สทิ ธแิ ละตวั ตนของตนเอง แต่ท้ังนี้ หากกลุ่มดังกลา่ วยงั ไม่อาจทำ� หนา้ ที่สือ่ สารไดท้ งั้ หมด กใ็ ช้