Page 58 - สื่อศึกษา
P. 58
6-48 ส่อื ศึกษา
ผ่าน แต่วัยรุ่นก็เลือกความหมายด้านบวก คือ แม้จะเป็นวัยเปล่ียนผ่าน แต่ก็เป็นช่วงเวลาท่ีมีความคิด
สรา้ งสรรคถ์ งึ ขีดสดุ และนยิ ามเปน็ ตวั ตนของตน
ส�ำนักวัฒนธรรมศึกษายังพิจารณาอัตลักษณ์ว่า การสร้างอัตลักษณ์นั้นเป็นกระบวนการที่ไม่
ส้นิ สดุ ไม่หยุดนงิ่ มีการผนั แปร เปลยี่ นแปลงไปได้ไมจ่ บสน้ิ ดงั ปรชั ญา แอนต้ี-เอสเซนชลั ลิซึม (anti-
essentialism) ยงิ่ กวา่ นน้ั อตั ลกั ษณอ์ าจมหี ลายโฉมหนา้ กเ็ ปน็ ได้ และแปรเปลยี่ นไปตามบรบิ ทและอำ� นาจ
ทกี่ ำ� หนด ดงั เชน่ ในบางครงั้ เราอาจนยิ ามตนเองวา่ เปน็ คนไทย แตเ่ มอ่ื คา้ ขายกบั คนจนี เรากลบั บอกวา่ เรา
คอื คนไทยเชอื้ สายจนี และเมอื่ ตดิ ตอ่ กบั ฝรง่ั กน็ ยิ ามตนเองวา่ เปน็ คนรนุ่ ใหมจ่ บโรงเรยี นฝรงั่ และมรี สนยิ ม
รักเพศเดยี วกนั และในการด�ำเนินงานน้ันก็มกั จะวางอยบู่ นบริบท และผลประโยชน์ทเ่ี กดิ ขึ้น
ดว้ ยเหตนุ ้ี สจว๊ ต ฮอลล์ (Stuart Hall) จงึ เสนอแนวคดิ อารต์ คิ เู ลเทด เซลฟ์ (Articulated Self)
ซงึ่ มองว่า อัตลักษณ์คอื ช้ินสว่ นจากหลากหลายทห่ี ลากหลายแห่ง และตดั ปะ มาเป็นอัตลักษณข์ องตัวเรา
ดา้ นหนงึ่ คือ อตั ลักษณเ์ ป็นส่งิ ทีก่ �ำหนดมาจากสงั คม ซ่ึงอาจมีความแตกตา่ งหลากหลาย ท้ังเรอ่ื งเพศ วัย
ชาติ และในอีกด้านหนึ่ง ตัวเราเองก็หยิบตัดแต่งอัตลักษณ์ดังกล่าวให้เป็นตัวเราและท�ำให้เราต่างไปจาก
คนอื่น ท�ำให้มนุษย์เรามิใช่ผู้รับสารที่เฉื่อยชา แต่สามารถต่อรอง ยอมรับ ปฏิเสธต�ำแหน่งของตัวตนได้
อตั ลักษณ์จึงเสมอื นรอยตะเข็บท่เี ยบ็ สิ่งต่างๆ เขา้ ดว้ ยกนั
อตั ลกั ษณย์ งั มคี วามเกยี่ วขอ้ งกบั การสอ่ื สาร ทง้ั ในดา้ นของการก�ำหนดความหมายของอตั ลกั ษณ์
ทมี่ าจากอำ� นาจของสงั คม ซง่ึ ก�ำหนดผา่ นภาษาและภาพตัวแทนตา่ งๆ และในเวลาเดียวกนั ก็เก่ียวข้องกบั
การที่ตัวเราเองนั้น บริโภคและการสร้างความหมายหรือสื่อสารอะไรที่เกี่ยวกับตัวตนของเราได้อย่างไร
ดังนั้น ในการศึกษาอัตลักษณ์ จึงมักจะให้ความสนใจเหรียญสองด้าน คือ การที่สังคมสร้างความหมาย
อตั ลักษณอ์ ย่างไร หรอื หากพจิ ารณาตามแนวคดิ อดุ มการณก์ ็คอื การที่สังคมเรียก (interpellate) เราวา่
อะไร และเหรยี ญอกี ดา้ นคอื ภายใตข้ อ้ กำ� หนดนน้ั ปจั เจกบคุ คลหรอื กลมุ่ คนจะบรโิ ภค รวมไปถงึ การสอื่ สาร
เพ่อื สร้างความหมายตัวตนเพ่อื การต่อรองได้หรอื ไม่อยา่ งไร
ในกรณีของการสร้างตัวตนน้ัน ส�ำนักวัฒนธรรมศึกษายังให้ความสนใจต่อกลุ่มคนตัวเล็กๆ
ท้ังหลาย ที่อาจถือได้ว่า เป็นวัฒนธรรมย่อยๆ หรือซับคัลเจอร์ (subculture) โดยมองว่า วัฒนธรรม
ดังกล่าวเป็นวัฒนธรรมท่ีพยายามต่อสู้ต่อรองกับวัฒนธรรมหลักของสังคมที่ก�ำลังกดทับอยู่ เช่น วัยรุ่น
วยั ชรา คนพลดั ถนิ่ สตรี และอน่ื ๆ สำ� นกั วฒั นธรรมศกึ ษามองวา่ วฒั นธรรมมไิ ดม้ เี พยี งหนง่ึ มไิ ดม้ เี อกภาพ
มีความหลากหลาย แต่ความหลากหลายน้ันมิได้มีความหมายถึงเชิงปริมาณ แต่ให้ความส�ำคัญต่อความ
ขดั แย้งเชงิ อำ� นาจ ทัง้ ในดา้ นการครอบงำ� และการต่อสู้แย่งชิงพืน้ ทดี่ ว้ ย
ตัวอย่างเช่น การศึกษาวัฒนธรรมย่อยกลุ่มวัยรุ่นของ ดิค เฮปดิจ (Dick Hebdige) วิเคราะห์
วฒั นธรรมย่อยของวยั รนุ่ องั กฤษ และคน้ พบวา่ ในด้านแรก วยั รุ่นถกู นำ� เสนอเป็นภาพหลักๆ คอื การก่อ
ความวนุ่ วายเดอื ดรอ้ น และภาพท่สี อง คอื ความสนุกสนานรา่ เรงิ แตอ่ ย่างไรก็ดใี นช่วงทศวรรษท่ี 1960
ดว้ ยบริบทสังคมทำ� ใหภ้ าพวยั รุ่นในฐานะผ้สู ร้างความวนุ่ วายอาจจะมาก แต่ในชว่ งทศวรรษที่ 1980 ภาพ
ดังกลา่ วเริ่มจางไปแต่กลายเปน็ วยั รนุ่ แบบหลัง นอกจากน้ันเม่อื พจิ ารณาตวั กลุ่มวยั รุน่ อยา่ งละเอียดลึกลง
ไป กพ็ บวา่ วยั รนุ่ มคี วามแตกตา่ งกนั ของฐานะเศรษฐกจิ วยั รนุ่ ชนชนั้ ใชแ้ รงงานและคนชนั้ กลางตา่ งมคี วาม
ตา่ งกนั และมผี ลตอ่ การบรโิ ภคไมเ่ หมอื นกนั ขณะทกี่ ลมุ่ แรกจะเนน้ การตดั ผมเกรยี น นยิ มดนตรผี วิ ดำ� ชอบ