Page 55 - สื่อศึกษา
P. 55
ผรู้ บั สาร 6-45
ดงั นนั้ รสนยิ มจงึ ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งสว่ นตวั แตเ่ ปน็ เรอื่ งการขดั เกลาและหลอ่ หลอมจากอำ� นาจของสงั คม ซงึ่
ไมใ่ ชเ่ พยี งเรอ่ื งเงนิ หรอื รายได้ แตห่ มายรวมถงึ ทนุ วฒั นธรรม (cultural capital) ทตี่ นเองมดี ว้ ย (กาญจนา
แกว้ เทพ และสมสขุ หินวมิ าน, 2560) ตวั อย่างเชน่ ปจั เจกบุคคลจะมรี สนิยมฟงั เพลงคลาสสกิ ได้นน้ั กต็ อ้ ง
เรม่ิ มาจากการซมึ ซบั รบั เอาวฒั นธรรมเพลงคลาสสกิ ซง่ึ อาจมาจากทางบา้ น การเรยี นเปยี โนตง้ั แตเ่ ดก็ การ
เข้าเรียนในโรงเรียนเอกชนฝร่ัง การเข้าฟังคอนเสิร์ตจากต่างประเทศ ส่ิงเหล่าน้ีจะหล่อหล่อมรสนิยมของ
เราขึน้ มา
กาญจนา แกว้ เทพ และสมสขุ หนิ วมิ าน (2560) ยงั ขยายความวา่ การมรี สนยิ มไดก้ ต็ อ้ งเกยี่ วขอ้ ง
กับเง่ือนไขของการมีวัตถุ และความแตกต่างเชิงสัญลักษณ์ว่า ของนั้นจะมีคุณค่ามากน้อยเพียงไร อันจะ
ส่งผลต่อการท�ำให้ผู้ครอบครองนั้นมีตัวตนทางสังคม น่ันก็หมายความว่า หาใช่ว่าทุกคนจะมีทางเลือกได้
ทง้ั หมด การฟงั เพลงคลาสสกิ กใ็ ชว่ า่ ทกุ คนจะทำ� ไดต้ อ้ งมกี ารครอบครองวตั ถตุ า่ งๆ เชน่ ซดี ี แผน่ เสยี ง ตวั๋
คอนเสริ ต์ และบางครงั้ กอ็ าจรวมถงึ การมเี ปยี โนหลงั ใหญใ่ นบา้ น เหตนุ เ้ี พลงคลาสสกิ จงึ มใิ ชเ่ ปน็ ของธรรมดา
แตเ่ กยี่ วขอ้ งกบั ความหมายเชงิ สญั ลกั ษณท์ ใี่ หอ้ ำ� นาจแกผ่ มู้ รี สนยิ มเทา่ นน้ั และมกั จะสมั พนั ธก์ บั หนา้ ตาและ
ฐานะในสังคม
จุดทนี่ า่ สนใจคือ รสนิยมนกี้ ็มกั จะมคี วามสัมพนั ธ์กบั ชนชนั้ ในกรณีข้างต้นเป็นรสนยิ มของคนชน้ั
สูงท่ีเน้นความหรูหรา สุนทรียะ ความม่ังค่ัง และมีแนวโน้มว่า สามารถจะเลือกได้อย่างอิสระและหรูหรา
เช่น เส้ือผ้า การตกแตง่ บ้าน การท่องเทีย่ ว การพกั ผอ่ น กฬี า อาหาร ฯลฯ ตา่ งไปจากชนชัน้ ลา่ ง ที่อาจ
มีข้อจ�ำกดั ของการมีรสนยิ มท่อี าจเนน้ เฉพาะสิ่งทจี่ ำ� เปน็ เท่าน้นั กระนั้นก็ตาม คนแต่ละชนชัน้ กย็ งั คงพอมี
อ�ำนาจในการเลือกบรโิ ภคส่อื เพ่อื จะผลิตซ้าํ และด�ำรงอยู่ในชนชน้ั ของตนเอง
อย่างไรก็ดี หากต้องการเลื่อนสถานภาพของชนชั้นก็อาจต้องมีการยกระดับรสนิยมให้สูงขึ้น
ดงั เชน่ กลมุ่ คนชนั้ กลาง เพราะคอ่ ยๆ สง่ั สมความรปู้ ระสบการณต์ า่ งๆ และการบรโิ ภคในปจั จบุ นั กส็ ะดวกขนึ้
แต่ก็ไมใ่ ชเ่ รื่องง่ายนกั เพราะบ่อยครัง้ การขดั เกลาที่ไมเ่ พียงพอกส็ ง่ ผลตอ่ การทำ� ให้มคี วามลกั ลั่นในรสนยิ ม
ดงั เชน่ คำ� ทเี่ คยไดย้ นิ กนั วา่ “ไฮซอ้ ไฮโซ” อนั มองถงึ คนทพ่ี ยายามขยบั รสนยิ มขน้ึ มาเปน็ ผดู้ แี ตก่ ย็ งั มกี ลนิ่
อายของชนช้ันเดิมอยู่ แต่ท่ีส�ำคัญคือ ชนช้ันสูงก็มักจะพยายามขยับรสนิยมของตนออกห่างไปเพื่อรักษา
ระดับความแตกตา่ งและดูเหมอื นว่าจะมีรายละเอยี ดปลีกย่อยลงไปเรอ่ื ยๆ
ในเหรยี ญอกี ดา้ นหนงึ่ สงั คมกจ็ ะทำ� หนา้ ทต่ี อกยา้ํ และควบคมุ ใหร้ สนยิ มแตล่ ะชนชนั้ เปน็ ไปตามที่
กำ� หนดเพอื่ ใหธ้ ำ� รงรกั ษาระบบชนชน้ั นน้ั เอาไว้ โดยผา่ นกลไกตา่ งๆ เชน่ อำ� นาจของศาสนา ผลกรรม การ
สง่ั สอนในระบบโรงเรยี น และสถาบนั สอ่ื มวลชนกท็ ำ� หนา้ ทผ่ี ลติ ซา้ํ ความหมายเชงิ สญั ลกั ษณใ์ หก้ บั ผคู้ น นนั่
กท็ �ำใหผ้ ู้คนกย็ งั คงถูกครอบง�ำในเชงิ อ�ำนาจแบบไมร่ ูต้ วั
ณชั ชา อาจารยุตต์ และสมสขุ หนิ วิมาน (2561) ไดน้ �ำแนวคดิ บูรด์ ิเยอเรือ่ งรสนิยมมาใช้กับการ
บริโภคชาอังกฤษและจีนในสังคมไทยของกลุ่มชนช้ันกลาง ผลการวิจัยช้ีให้เห็นว่า ชาอังกฤษและจีนใน
สงั คมไทยในอดตี เปน็ วฒั นธรรมของชนชน้ั สงู เปน็ ผลพวงของอาณานคิ มเดมิ แมใ้ นบางยคุ ความหมายของ
ชา เชน่ ชาจีน ถูกมองในแง่ลบเพราะผกู ติดกบั อคติของการอพยพของชาวจีน แตใ่ นปัจจบุ ันชากลายเปน็
เครื่องดื่มที่มีคุณค่า ชาอังกฤษได้รับความหมายถึงความทันสมัยแต่มีพิธีรีตอง ส่วนชาจีนภายใต้อิทธิพล
ของกระบวนการจีนาภิวัตน์ หรือการครอบง�ำวัฒนธรรมและเศรษฐกิจจากจีน ชาจีนจึงได้รับการยกระดับ