Page 55 - วิถีไทย
P. 55
วถิ ไี ทยกับความหลากหลายทางสังคมและวฒั นธรรม 2-45
และจะเปน็ ประเดน็ สำ� คญั ตอ่ ไปอกี นานในอนาคต มมุ มองทเี่ หมาะสมสำ� หรบั โลกยคุ ถดั ไปในการสรา้ งสรรค์
จรรโลงการอยรู่ ว่ มกนั จงึ ไดแ้ ก่ มมุ มองทย่ี ดึ ถอื สทิ ธคิ วามเทา่ เทยี มกนั ของมนษุ ยไ์ มว่ า่ เกดิ ชาตใิ ด
กล่าวโดยสรุป สังคมไทยก็เช่นเดียวกับสังคมอ่ืนๆ จากท่ัวมุมโลก ที่เป็นสังคมพหุลักษณ์ทาง
วัฒนธรรม อันเกิดจากการเป็นสังคมที่มีกลุ่มชาติพันธุ์หลายกลุ่มอยู่ร่วมกันภายในรัฐหน่ึง กลุ่มชาติพันธุ์
เหล่าน้ีมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาของตนเอง อยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านานแล้ว แต่เดิมนั้นเพราะความ
ส�ำคัญของการค้าและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ท่ีส่งผลต่อความอยู่รอดปลอดภัยภายใต้สภาพแวดล้อม
ทางธรรมชาติ ทำ� ให้การเขา้ มาของคนแปลกหน้าจากตา่ งถ่ิน ไมไ่ ด้ถกู มองเปน็ พษิ ภัยหรือสงิ่ แปลกปลอม
ในวิถีชีวิตทางสังคม ตรงข้ามการรู้จักคบค้าสมาคมกับชาวต่างชาติ กลับเป็นสิ่งท่ีได้รับการปลูกฝังและ
ส่งเสรมิ เพราะเปน็ เรอ่ื งทีเ่ ก่ียวพันถงึ ความอยู่รอดปลอดภัย ความม่ันคง และความมงั่ คัง่ รุ่งเรือง
ในประวัติศาสตร์ของสังคมย่านดินแดนที่เป็นประเทศไทย ในอดีตบริเวณอ่าวสยามเป็นท่ีตั้งของ
รัฐทรี่ ุ่งเรอื งจากการคา้ และการแลกเปลยี่ นวัฒนธรรม หลายยุคสมยั ด้วยกนั ตงั้ แต่สมยั ก่อนประวตั ิศาสตร์
สมัยทวารวดี สมยั ตามพรลงิ ค์ (นครศรีธรรมราช) สมยั เขมรพระนคร สมัยลพบุรี จนถงึ สมยั อโยธยาและ
กรุงศรีอยุธยา ในขณะท่ีภูมิภาคอื่นต่างๆ ก็มีร่องรอยของความเจริญเติบโตเป็นรัฐหรืออาณาจักรเก่าแก่
และเปน็ อสิ ระมีอ�ำนาจปกครองตนเอง มากอ่ นทีจ่ ะรวมกับรัฐสยามในยุคปฏริ ูปมณฑลเทศาภบิ าลรัชกาลท่ี
5 อย่างเช่น ภาคเหนือมีแคว้นล้านนา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรืออีสานมีแคว้นศรีโคตรบูรณ์และ
แคว้นล้านช้าง ภาคตะวันออกมีแคว้นศรีมโหสถ ภาคตะวันตกมีเมืองสิงห์ ภาคใต้มีนครศรีธรรมราชและ
ปัตตานี เป็นตน้
แนวคิดในการศึกษาทางประวัติศาสตร์และสังคมวัฒนธรรม อย่างเช่น แนวคิดภูมิวัฒนธรรม
แนวคิดนิเวศชาตพิ ันธุ์วทิ ยา แนวคิดนเิ วศประวัตศิ าสตร์ แนวคดิ ชีวิตวัฒนธรรม ตลอดจนแนวคดิ รฐั เมอื ง
ทา่ นานาชาติ ตา่ งใหค้ วามสำ� คญั และมชี ดุ คำ� อธบิ ายวา่ สภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาตขิ องแตล่ ะทอ้ งถน่ิ มผี ล
ก�ำหนดสภาพจติ ใจและวฒั นธรรมของมนษุ ย์ ในการตอบโตค้ วามเป็นไปในแต่ละยคุ สมยั แตกต่างกนั เมือ่
คนเหล่าน้ีต้องมาพบปะหรือมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ความแตกต่างอันน้ันบางครั้งน�ำมาซึ่งความขัดแย้ง บาง
ครงั้ อยรู่ ว่ มกนั และแลกเปลย่ี นคณุ คา่ หรอื ใชท้ รพั ยากรรว่ มกนั อยา่ งสงบ ขน้ึ อยกู่ บั วา่ รฐั หรอื ผมู้ อี �ำนาจแตล่ ะ
ช่วง จะเข้าใจความละเอียดอ่อนของประเด็นและมีวิธีการจัดการที่มีประสิทธิภาพเหมาะสม อันจะอ�ำนวย
ให้กลุ่มคนท่มี วี ัฒนธรรมความเช่อื แตกตา่ งกันนน้ั สามารถอยรู่ ว่ มกนั ไดม้ ากนอ้ ยเพยี งใด
ความเจริญรุ่งเรืองในอดีตตลอดจนผลงานของกลุ่มชาติพันธุ์มักแสดงออกหรือปรากฏในรูปของ
ศลิ ปะและสถาปตั ยกรรม การอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม จงึ ไมใ่ ชห่ น้าท่ขี องหนว่ ยงานใดหนว่ ยงานหนึ่ง
โดยเฉพาะ หากแต่เป็นบทบาทหน้าทข่ี องประชาชนร่วมกนั ความรู้ความเขา้ ใจท่ีถกู ตอ้ งต่อวธิ กี ารบริหาร
จัดการและการอนุรักษ์ เป็นเรื่องส�ำคัญท่ีควรถ่ายทอดหรือท�ำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน ปัจจุบัน
แนวคิดการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมและทรัพยากรธรรมชาติ ได้ถอยห่างจากแนวคิดอนุรักษ์แบบ
ชาตนิ ยิ ม ไปสกู่ ารนยิ ามเปน็ สมบตั ริ ว่ มกนั ของมนษุ ยชาติ โดยเฉพาะในรปู ของ “มรดกโลก” ตามประกาศ
ขององค์การยเู นสโก
เม่ือมองในแง่ประวัติศาสตร์แล้ว ยังพบว่าการเป็นมรดกโลกมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับ
สภาพที่เป็นจริงในอดีต ที่จะสามารถพบเจอได้จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เพราะผู้คนในอดีต มิได้