Page 53 - วิถีไทย
P. 53

วถิ ไี ทยกับความหลากหลายทางสงั คมและวัฒนธรรม 2-43
ฤดกู าลดทู ศิ ทางลมมรสมุ นานวนั เขา้ กลมุ่ ชาวตา่ งชาตทิ เ่ี ขา้ มา ไมว่ า่ จะเปน็ จนี แขกมสุ ลมิ ชาวยโุ รป (โดย
เฉพาะโปรตุเกสและดัตช์) ต่างกลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมสยาม ช่วงเวลาท่ียาวนานของยุคการค้า แม้
จะทงิ้ มรดกเอาไวม้ ากมาย ยคุ การคา้ ในสยาม กเ็ ชน่ เดยี วกบั ยคุ การคา้ ของเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตท้ ดี่ ำ� เนนิ
มาจนถึงช่วงต้นคริสต์ศตวรรษท่ี 19 ส้ินสุดลงโดยการเข้ามาของลัทธิอาณานิคมตะวันตกในปลายคริสต์
ศตวรรษท่ี 19

       สภาพการณห์ ลายอยา่ งเปลย่ี นไปอยา่ งรวดเรว็ เมอื่ ลทั ธอิ าณานคิ มไดส้ รา้ งพรมแดนรฐั ชาตขิ น้ึ มา
จำ� กดั ขอบเขตการตดิ ตอ่ สมั พนั ธร์ ะหวา่ งผคู้ น ผลคอื วฒั นธรรมของแตล่ ะสงั คมทเี่ คยมปี ฏสิ มั พนั ธก์ บั เพอื่ น
บ้านข้างเคียง เชน่ วัฒนธรรมการแต่งกาย อาหาร เสอ้ื ผ้า ภาษาพูด-เขียน การละเลน่ ฯลฯ พม่าเคยรับ
รปู แบบการรา่ ยร�ำทเ่ี รยี กวา่ “รำ� โยเดยี ” ไปจากสยาม ภาษาเขมรมอี ทิ ธพิ ลบทบาทตอ่ ราชส�ำนกั สยาม ถงึ
กับกลายเป็นค�ำราชาศัพท์ของไทย ลักษณะการท�ำอาหารโดยวิธีการต�ำครกแบบที่คนลาวใช้มาเน่ินนาน
กลายมาเปน็ วธิ ที ำ� อาหารของไทยตงั้ แตค่ รง้ั ตน้ รตั นโกสนิ ทร์ หรอื แมแ้ ตก่ ารละเลน่ โขน กม็ แี พรห่ ลายทวั่ ไป
ท้ังไทย ลาว เขมร พม่า อนิ โดนีเซีย หรอื อยา่ งวรรณคดีท่แี พร่หลายขา้ มพรมแดนและมกี ารดัดแปลงเขา้
กับรสนิยมท้องถ่ิน เช่น สามก๊ก (จากจีน) อิเหนา (จากชวา) ขุนช้างขุนแผน (ที่มีฉบับไทยและเขมร)
ศรธี นญชัย (มฉี บบั ไทย มอญ และลาว) ราชาธริ าช (ทีม่ ีท้งั มอญและไทย) ฯลฯ

       แตเ่ มอ่ื ลทั ธอิ าณานคิ มตะวนั ตกเขา้ มามบี ทบาท สยามและเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใตต้ อ้ งหนั ไปเนน้
ปฏิสัมพันธ์กับชาติตะวันตก และรับเอาแบบแผนความคิดความเชื่อหลายอย่างเข้ามาเป็นองค์ประกอบ
วิธีคิด โดยเฉพาะความคดิ เรื่องชาตทิ ม่ี เี ส้นพรมแดนตามแผนท่ีภมู ิศาสตร์ ความเป็นไทย ความเป็นสยาม
กจ็ ึงเปน็ เช่นเดยี วกับ “ความเปน็ ลาว” (Lao-ness) “ความเปน็ เขมร” (Khmer-ness) “ความเปน็ ชวา”
(Java-ness) “ความเปน็ มาเลย์” (Malay-ness) “ความเป็นพม่า” (Burma-ness) ฯลฯ ท่ีต่างก็สร้าง
คำ� นิยาม อธบิ ายตัวตน บนพื้นฐานความแตกต่างทีม่ กี บั เพ่อื นบ้าน

       กรณสี ยาม-ไทย เมอื่ เกดิ ความคดิ ความภาคภมู ใิ จจากยคุ อาณานคิ มทวี่ า่ “ไมเ่ คยเปน็ เมอื งขนึ้ ของ
ใคร” วาทกรรมความเป็นไทยก็ถูกนิยามผ่านความแตกต่างเป็นคู่ตรงข้ามกับ “ฝร่ัง” มองชาติตะวันตก
เปน็ ศตั รหู รอื อปุ สรรคของความเปน็ ชาติ ทงั้ ทใี่ นอดตี ฝรง่ั หรอื ชาตติ ะวนั ตกเหลา่ นน้ั กเ็ ปน็ ชนชาตทิ เ่ี คยเขา้
มาตดิ ตอ่ คา้ ขายและแลกเปลยี่ นวฒั นธรรมกบั สยามมาเปน็ ระยะเวลายาวนานกอ่ นหนา้ ครสิ ตศ์ ตวรรษที่ 19

       เนอ่ื งจากความส�ำคัญของอยธุ ยาในฐานะรัฐเมืองท่านานาชาติ ก็ท�ำให้เกดิ ประชากรเลอื ดผสม ที่
สบื เชอ้ื สายมาจากพอ่ คา้ ตา่ งชาตใิ นอดตี อยา่ งเชน่ กลมุ่ คนทเ่ี รยี กวา่ “แขกมสุ ลมิ ” สบื เชอื้ สายมาจากพอ่ คา้
เปอร์เซีย ยงั มีกล่มุ ทส่ี บื เช้ือสายมาจากชาวโปรตุเกส ชาวญี่ปุน่ และชาวจีน ชาวจนี นน้ั ปัจจุบันกลา่ วไดว้ ่า
ได้รบั การยอมรบั จากสงั คมไทยให้เปน็ ส่วนหนึ่งของสังคมไปแลว้ มิได้ถกู กีดกันทางวัฒนธรรมเหมอื นเช่น
ดงั ในอดตี สมัยรัฐสมบรู ณาญาสทิ ธิราช ในขณะท่กี ลมุ่ อน่ื ๆ ยงั คงถอื เป็น “แขก” และเปน็ “ชาวเขา” เปน็
“ชนกลุ่มน้อย” อยเู่ ช่นเดมิ 67 ท้ังทเี่ มอื่ นบั รวมกนั แลว้ คนเหลา่ นี้ (ท่เี ป็นชาติพันธุอ์ ่ืนๆ) ลว้ นแต่มีจำ� นวน
มาก

         67 Winichakul, Thongchai. (2000). “The Others Within: Travel and Ethno-spatial Differentiation of
Siamese Subjects, 1885-1910” in Andrew Turton. (ed.). Civility and Savagery: Social Identity in Tai States.
London: Curzon Press. pp. 38-62.
   48   49   50   51   52   53   54   55   56   57   58