Page 49 - วิถีไทย
P. 49
วถิ ไี ทยกบั ความหลากหลายทางสังคมและวัฒนธรรม 2-39
บา้ นเมอื งภายหลงั จากสงครามคราวเสียกรุง พ.ศ. 2112 ในรชั กาลสมเด็จพระนเรศวรจึงไดม้ ีชาวต่างชาติ
เขา้ มาคา้ ขายกับอยธุ ยามาก มที ง้ั ชาวสเปน ชาวองั กฤษ ชาวเปอร์เชยี ชาวญีป่ นุ่ ชาวฮอลันดา เปน็ ต้น62
ชาวฮอลนั ดา (Hollanda) หรอื ชาวดตั ช์ (Dutch) หรอื เนเธอรแ์ ลนด์ (Netherland) นบั เปน็ ชาติ
ตะวันตกที่เข้ามาค้าขายกับอยุธยาเป็นเวลายาวนานอีกชาติหน่ึง โดยได้รับพระราชทานที่ดินจากสมเด็จ
พระเจ้าปราสาททอง จำ� นวนกวา่ 8 ไร่ เปน็ ท่รี มิ แมน่ ำ้� เจ้าพระยา ให้ต้ังสถานกี ารค้าข้ึนทอ่ี ยธุ ยา เรยี กว่า
“บา้ นฮอลันดา” (ตั้งอย่ทู ่ตี ำ� บลสวนพลู อำ� เภอพระนครศรอี ยุธยา จงั หวัดพระนครศรีอยธุ ยาในปจั จุบัน)
“บา้ นฮอลนั ดา” ทอ่ี ยธุ ยานน้ี บั เปน็ แหลง่ จา้ งงานขนาดใหญใ่ นอยธุ ยา ทนี่ อกเหนอื จากการเกณฑ์
แรงงานของรฐั เพราะฮอลนั ดาไดว้ า่ จา้ งแรงงานชาวพนื้ เมอื งใหช้ ว่ ยเหลอื ในการขนถา่ ยสนิ คา้ และดแู ลสนิ คา้
ก่อนบรรจุใส่ล�ำเรือส่งออกไปขายต่อยังต่างประเทศ จึงมีชาวพ้ืนเมืองเป็นอันมาก ทั้งชาวมอญ ชาวลาว
ชาวเขมร ฯลฯ ได้มารับจ้างเป็นแรงงานให้กับชาวฮอลันดา แล้วน�ำเอาเงินท่ีได้นั้นไปเสียค่าส่วยให้แก่
ทางการ เพื่อท่ีจะไม่ถูกเกณฑ์แรงงาน นับเป็นอีกช่องทางหนึ่งท่ีไพร่สามารถใช้เพ่ือหลีกเล่ียงการเกณฑ์
แรงงาน นอกจากการบวชเปน็ พระภิกษุสงฆ์ หรือวิธนี อกกฎหมายอย่างการหนีเขา้ ปา่ เป็นตน้
“บา้ นฮอลนั ดา” กเ็ ปน็ สว่ นหนงึ่ ของกรงุ ศรอี ยธุ ยาเชน่ เดยี วกบั “หมบู่ า้ นโปรตเุ กส” และ “หมบู่ า้ น
ญ่ีปนุ่ ” ผูน้ ำ� บ้านฮอลนั ดาเขา้ พิธีถือน�้ำพระพพิ ัฒนส์ ัตยา มตี �ำแหนง่ เป็น “ออกหลวงสรุ สาคร” นอกจากน้ี
ชาวฮอลนั ดายงั มสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมตา่ งๆ ของราชสำ� นกั อยธุ ยา เชน่ การเสดจ็ พระราชดำ� เนนิ ไปนมสั การ
รอยพระพุทธบาทท่ีสระบุรี จัดข้ึนเป็นประจ�ำทุกปี นับแต่การค้นพบรอยพระพุทธบาทน้ีในรัชกาลสมเด็จ
พระเจา้ ทรงธรรม การเสดจ็ ประพาสคล้องชา้ งซง่ึ นยิ มมากในรชั กาลสมเดจ็ พระศรีสรรเพชญท์ ี่ 8 (พระเจ้า
เสอื ) การตดั ถนนจากทา่ เรอื ไปยงั เขาพระพทุ ธบาทระยะทาง 9 กโิ ลเมตร เรยี กวา่ “ถนนพระเจา้ ทรงธรรม”
หรอื “ถนนฝรัง่ สอ่ งกลอ้ ง” ตามลักษณะทีช่ าวฮอลนั ดาน�ำเอาเทคโนโลยกี ล้องสอ่ งทางไกล มาช่วยในการ
รางวดั การสรา้ งเจดยี ต์ า่ งๆ ดว้ ยเทคโนโลยที ท่ี นั สมยั การไปสง่ พระอบุ าลแี ละคณะในการเดนิ ทางไปเผยแผ่
พุทธศาสนานิกายสยามวงศ์ท่ศี รีลงั กา ในรชั กาลสมเด็จพระเจา้ อยูห่ วั บรมโกศ เป็นต้น
ชาวกะเหร่ียง
“กะเหรยี่ ง” (Karen) เปน็ กลมุ่ ชนทม่ี หี ลายเผา่ พนั ธ์ุ หลายภาษา และมกี ารนบั ถอื ศาสนาทต่ี า่ งกนั
แตก่ ะเหรยี่ งดงั้ เดมิ จะนบั ถอื ผี เชอ่ื เรอ่ื งตน้ ไมป้ า่ ใหญ่ ภายหลงั มบี างเผา่ หนั มานบั ถอื ศาสนาพทุ ธ และครสิ ต์
เป็นต้น จึงมีการจัดจ�ำแนกออกเป็น “กะเหร่ียงด้ังเดิม” (ที่นับถือผี) “กะเหร่ียงพุทธ” และ “กะเหรี่ยง
คริสต์” มักมีความเขา้ ใจผิดกันวา่ กะเหร่ยี งมถี ิ่นฐานเดมิ อยใู่ นประเทศพม่า แต่ทจ่ี ริงกะเหรย่ี งต้ังถ่นิ ฐาน
กระจดั กระจายอยทู่ ว่ั ไปในแถบพมา่ รฐั ฉาน จนี ตอนใต้ ภาคเหนอื และภาคตะวนั ตกของประเทศไทย เพยี ง
แต่ในตอนหลังเมื่อประเทศพม่าประสบปัญหาสงครามภายใน จึงมีกะเหร่ียงบางส่วนอพยพล้ีภัยเข้ามาใน
ประเทศไทย63
62 เรือ่ งเดียวกนั . น. 76-77.
63 โครงการพพิ ิธภัณฑช์ าวเขาออนไลน์. (2560a). กะเหร่ียง: ประวัติและความเปน็ มา. Retrieved from: http://www.
openbase.in.th/node/648 สืบค้นเมอ่ื 5 พฤษภาคม 2560.