Page 45 - วิถีไทย
P. 45

วิถไี ทยกับความหลากหลายทางสังคมและวัฒนธรรม 2-35
       ผลจากการสงครามกวาดต้อนครั้งนั้น ท�ำให้สังคมไทยมีกลุ่มประชากรเช้ือสายลาว มากกว่า
ประชากรลาวที่มีในประเทศลาว ประกอบกับตอนหลังได้มีการอพยพคนอีสาน ไปท�ำงานเป็นแรงงานใน
ภาคอุตสาหกรรมและบริการ ตามเมืองใหญ่ท่ัวทุกภูมิภาคของประเทศ ท�ำให้คนลาวและวัฒนธรรมลาว
กลายเป็นส่วนหน่งึ ของสังคมไทยทข่ี าดเสยี มิไดจ้ นในปัจจบุ ัน

ชาวมอญ

       ชาวมอญทตี่ ั้งถน่ิ ฐานอยใู่ นดนิ แดนประเทศไทย มที ัง้ มอญดั้งเดิมท่อี ยูใ่ นดินแดนนม้ี าแตเ่ ดมิ และ
มอญทอ่ี พยพมาจากประเทศเพอื่ นบา้ นอยา่ งสหภาพเมยี นมา มอญดงั้ เดมิ สมั พนั ธก์ บั สองอาณาจกั รสำ� คญั
อย่างหรภิ ุญไชย (ล�ำพูน) ในภาคเหนือ และอาณาจักรทวารวดีในภาคกลาง แนน่ อนวา่ ทง้ั สองอาณาจักร
อาจมีชนชาติอ่ืนอยู่อาศัยเป็นก�ำลังของบ้านเมือง แต่อย่างน้อยการพบจารึกที่สลักด้วยอักษรภาษามอญ
ยอ่ มสะทอ้ นถงึ ความส�ำคญั และการมอี ยู่ของวฒั นธรรมมอญและคนมอญ

       สว่ นมอญทอ่ี พยพมาจากประเทศเพอ่ื นบา้ น ไดเ้ ขา้ มาหลายระลอกดว้ ยกนั เพราะความสมั พนั ธท์ ด่ี ี
ระหวา่ งรฐั สโุ ขทยั และอยธุ ยาทมี่ ตี อ่ รฐั มอญในแถบอา่ วเมาะตะมะ ในขณะเดยี วกนั กเ็ ปน็ ศตั รแู ละทำ� สงคราม
กับพม่า ซ่ึงก็เป็นศัตรูท่ียึดครองดินแดนมอญอยู่หลายครั้งหลายครา เม่ือเกิดปัญหาระหว่างพม่ากับมอญ
มอญก็มักจะอพยพเขา้ มาพึง่ พระบรมโพธสิ มภารของพระมหากษัตริย์สยาม56

       ตวั อยา่ งเชน่ กรณพี ระยาเกยี รติ พระยาราม ทเี่ ขา้ มาในสมยั สมเดจ็ พระนเรศวร ทรงใหต้ ง้ั ถน่ิ ฐาน
บ้านช่องอยู่ท่ีย่านวัดขนุ แสน อยุธยา และมหาเถรคนั ฉอ่ ง พระอาจารยช์ าวมอญของพระองคท์ ี่ติดตามมา
ด้วยกใ็ ห้อย่ทู ่วี ัดตองปุ อยธุ ยา ในรชั กาลสมเดจ็ พระนารายณ์ ได้มคี นมอญอพยพเขา้ มามาก ทรงให้ไปตง้ั
ชมุ ชนอยอู่ าศยั ทย่ี า่ นสามโคก ปทมุ ธาน5ี 7 ภายหลงั คนมอญทงั้ สองกลมุ่ ดงั กลา่ วนี้ ไดข้ ยายออกไปตงั้ ชมุ ชน
ตา่ งๆ อยูใ่ นแถบลุ่มแม่น�้ำเจ้าพระยา เชน่ ยา่ นคลองสระบวั อยธุ ยา มศี นู ย์กลางอยทู่ ว่ี ัดป้อมรามัญ ย่าน
คลองบางบาล อยธุ ยา ศนู ยก์ ลางอยทู่ วี่ ดั ขนอนและวดั จฬุ ามณี ยา่ นบางไทร อยธุ ยา ยา่ นปากเกรด็ นนทบรุ ี
ย่านตลาดขวญั หรอื ตวั เมอื งนนทบุรี ย่านพระประแดง สมุทรปราการ เป็นตน้

       ชาวมอญเหล่านี้ โดยเฉพาะท่ีอยุธยาและปทุมธานี มักมีความช�ำนาญในการท�ำอิฐ จนมีส�ำนวน
เรียกว่า “อิฐมอญ” ซง่ึ เปน็ สว่ นประกอบสำ� คัญในการสร้างวัดวาอารามและสถานท่สี �ำคญั ต่างๆ ในอยุธยา
และภาคอน่ื ๆ นอกจากนยี้ งั มคี วามชำ� นาญในการทำ� โอง่ และเครอ่ื งปน้ั ดนิ เผาตา่ งๆ มแี หลง่ เตาเผาโบราณ
ต้ังอยู่ท่บี า้ นสามโคก อำ� เภอสามโคก จังหวดั ปทมุ ธานี

       นอกจากนย้ี ังชาวมอญที่อพยพมาภายหลังจากทีป่ ัญหาการส้รู บภายหลงั จากทพ่ี มา่ ได้รบั เอกราช
และปกครองอยา่ งเผดจ็ การรวมศนู ย์ ไดต้ ง้ั ถน่ิ ฐานอยแู่ ถวอำ� เภอสงั ขละบรุ ี จงั หวดั กาญจนบรุ ี อำ� เภอสวนผงึ้
จงั หวดั ราชบรุ ี และอำ� เภอแมส่ อด จงั หวดั ตาก เปน็ ตน้ ชาวมอญสว่ นใหญน่ บั ถอื พทุ ธศาสนาและมวี ฒั นธรรม
ทคี่ ล้ายคลงึ กับภาคกลางของไทย จึงเข้ากับสงั คมไทยและผสมกลมกลนื กันเปน็ อย่างดี

         56 ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, (บ.ก.). เรอ่ื งเดมิ . 	
         57 พระราชพงศาวดารกรงุ ศรีอยุธยาฉบับหมอบรดั เลย์. (2549). กรุงเทพฯ: สำ� นกั พมิ พ์โฆษิต. น. 137, 288-289.
   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50