Page 44 - วิถีไทย
P. 44
2-34 วถิ ีไทย
ในช่วงพุทธศตวรรษท่ี 22-23 (ตรงกับสมัยอยุธยาตอนปลาย) ได้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวาย
ทางการเมอื งในอาณาจกั รลา้ นชา้ ง จนนำ� มาสกู่ ารแตกแยกออกเปน็ 3 อาณาจกั รใหญ่ คอื อาณาจกั รลาวเหนอื
มีศูนย์กลางอยทู่ ่ีเมอื งหลวงพระบาง อาณาจักรลาวกลาง มีศนู ย์กลางอยู่ท่เี มืองเวียงจนั ทน์ และอาณาจกั ร
ลาวใต้ มีศูนย์กลางอยู่ท่ีนครจ�ำปาสัก52 ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้มีคนลาวอพยพเข้ามาตั้งถ่ินฐานอยู่ในแถบ
อีสานลุ่มแม่น้�ำมูลและแม่น�้ำชีกันมาก ภายหลังสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น คนลาวเหล่าน้ีก็แพร่หลายผ่าน
ทางช่องเขาบรรทดั ลงมายังภาคตะวันออก และเข้าสู่แม่นำ้� ป่าสกั ทางภาคกลาง
สมยั ธนบรุ ี สมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ สง่ กองทพั ทม่ี เี จา้ พระยาจกั รแี ละพระยาสรุ สหี เ์ ปน็ แมท่ พั ไปโจมตี
อาณาจกั รล้านช้าง ท้ังจำ� ปาสักและเวยี งจนั ทน์ โดยมีหลวงพระบางเป็นพันธมิตร ยกลงมาช่วยขนาบจาก
ทางเหนอื ของเมอื งเวยี งจนั ทน์ ฝา่ ยสยามธนบรุ ไี ดร้ บั ชยั ชนะ กวาดตอ้ นผคู้ นและทรพั ยส์ นิ สง่ิ ของลงมาเปน็
อนั มาก ในจำ� นวนทรพั ยส์ ง่ิ ของมคี า่ เหลา่ นน้ั มพี ระแกว้ มรกตและพระบางรวมอยดู่ ว้ ย ภายหลงั รชั กาลที่ 1
ไดโ้ ปรดเกลา้ ฯ ใหน้ ำ� เอาพระแกว้ มรกตมาประดษิ ฐานเปน็ พระประธานในอโุ บสถวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม
ส่วนพระบาง รัชกาลที่ 4 ไดท้ รงพระราชทานใหค้ ืนไปแก่ชาวหลวงพระบาง53
นอกจากนย้ี งั มเี หลา่ เชอื้ พระวงศข์ องเวยี งจนั ทน์ ถกู จบั มาเปน็ “องคป์ ระกนั ” อยทู่ ก่ี รงุ เทพฯ ดว้ ย
มีเจ้าอนุวงศ์ ให้ตั้งวังที่ประทับอยู่ท่ีบางยี่ขัน เป็นต้น เม่ือเติบใหญ่เจ้าอนุวงศ์มีความดีความชอบต่อ
ราชส�ำนักกรุงเทพฯ หลายคร้ัง ครั้งส�ำคัญได้แก่ เป็นแม่ทัพไปตีเชียงแสนและหัวเมืองรายรอบต่างๆ จน
ไดร้ บั ชยั ชนะ เจา้ อนวุ งศท์ รงสนทิ สนมและเปน็ คนโปรดของรชั กาลที่ 2 เมอ่ื คราวทำ� สวนขวญั ทรงมพี ระราช-
สาสน์ ใหเ้ จา้ อนวุ งศ์ลงมาเย่ียมชมสวนน้ีดว้ ยกัน
สถานะของเวยี งจันทน์ ถือเปน็ เมอื งประเทศราช ต้องส่งบรรณาการมาถวายแด่กษัตริย์กรงุ เทพฯ
เป็นประจ�ำ 3 ปีตอ่ 1 คร้งั ตอ่ มาในสมัยรชั กาลที่ 3 เจ้าอนวุ งศไ์ ดป้ ระกาศอสิ รภาพ ไม่ข้ึนตอ่ กรงุ เทพฯ
โดยได้ส่งกองทัพลงมากวาดต้อนคนลาวในแถบอีสานและภาคกลางกลับคืนสู่อาณาจักรล้านช้าง กองทัพ
กวาดต้อนของเจ้าอนุวงศ์ ยกล่วงลงมาจนถึงสระบุรี ห่างจากกรุงเทพฯ ในระยะเดินเท้าเพียง 2 วัน
กรงุ เทพฯ จงึ ทราบขา่ ว รชั กาลท่ี 3 ทรงใหก้ องทพั ขนึ้ ไปตอบโตท้ พั ลาวและยกขนึ้ ไปโจมตเี วยี งจนั ทน์ โดย
มีพระยาราชสุภาวดี (หรือเจา้ พระยาบดนิ ทรเดชาในเวลาต่อมา) เปน็ แม่ทัพ54
หลงั ศกึ ปราบปรามเจา้ อนวุ งศ์ กองทพั สยามไดเ้ ผาเวยี งจนั ทน์ แลว้ กวาดตอ้ นผคู้ นและทรพั ยส์ งิ่ ของ
จากอาณาจกั รลา้ นชา้ งลงมายงั สยาม นบั เปน็ การกวาดตอ้ นครง้ั ใหญย่ งิ่ กวา่ ครง้ั ใดในประวตั ศิ าสตรท์ เ่ี คยมี
มาตอ่ อาณาจกั รลา้ นชา้ ง ไดม้ กี ารแบง่ ครวั ลาวออกไปตงั้ ถนิ่ ฐานตามทอ้ งถน่ิ ตา่ งๆ ของสยาม ไดแ้ ก่ สระบรุ ี
พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี นครปฐม กาญจนบุรี ราชบรุ ี เพชรบุรี นครนายก ปราจีนบรุ ี ฉะเชงิ เทรา ชลบรุ ี
สพุ รรณบรุ ี ชัยนาท นครสวรรค์ สโุ ขทัย เป็นตน้ 55
52 กำ� พล จำ� ปาพันธ.์ (2559). เร่ืองเดิม. น. 71-116.
53 เรือ่ งเดยี วกัน. น. 73-82.
54 ทพิ ากรวงศ,์ เจา้ พระยา. (2547). พระราชพงศาวดารกรงุ รตั นโกสนิ ทรร์ ชั กาลที่ 3. กรงุ เทพฯ: กรมศลิ ปากร. น. 25-30.
55 บังอร ปยิ ะพนั ธุ์. (2541). ลาวในกรุงรตั นโกสินทร์. กรุงเทพฯ: มูลนธิ ิโครงการตำ� ราสงั คมศาสตรแ์ ละมนษุ ยศาสตร์.