Page 43 - วิถีไทย
P. 43
วิถไี ทยกับความหลากหลายทางสงั คมและวฒั นธรรม 2-33
พระพฆิ เนศ พระอนิ ทร์ ฯลฯ และระบบชนชัน้ วรรณะ ถงึ แมว้ ่าระบบวรรณะในเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้จะ
ไมเ่ ปน็ ทย่ี ดึ ถอื ปฏบิ ตั โิ ดยเครง่ ครดั นกั เมอ่ื เทยี บกบั อนิ เดยี โบราณ แตค่ วามเชอื่ นมี้ ผี ลตอ่ การแบง่ แยกชนชน้ั
ในสังคม ความเช่ือที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในฐานะสมมติเทพ รวมท้ังความเช่ือต่างๆ ที่นิยามว่า
“ไสยศาสตร์” ซึ่งผสมปนเปกับความเช่ือเร่ืองผีสาง อันมีท่ัวไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก่อนการเข้ามา
ของศาสนาจากอินเดยี 51
วฒั นธรรมพราหมณ-์ ฮนิ ดแู บบเขมรแพรห่ ลายในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ตงั้ แตท่ ร่ี าบลมุ่ ทะเลสาบ
เขมร แมน่ ำ้� เสยี มเรยี บ ในประเทศกมั พชู า ภาคใตข้ องลาว ตอนใตแ้ ละตอนกลางของเวยี ดนาม ในดนิ แดน
ประเทศไทย แหล่งโบราณคดีที่พบวัฒนธรรมเขมร ได้แก่ อาณาจักรลพบุรี แถบอีสานใต้หรือท่ีเรียกว่า
“ทรี่ าบสงู โคราช” จรดเทอื กเขาพนมดงรกั อนั เปน็ ทตี่ งั้ ของปราสาทพระวหิ าร ลมุ่ แมน่ ำ้� ทา่ จนี แถบสามชกุ
สุพรรณบุรี ลงมาจนถึงนครปฐม แถบลุ่มแม่น้�ำแควและแม่น้�ำแม่กลอง ได้แก่ ท่ีเมืองสิงห์ กาญจนบุรี
ลงมาจนถงึ เมอื งราชบุรีเกา่ แถบลุ่มน้�ำคลองบางตะบนู ถึงแม่น้�ำเพชรบรุ ี เปน็ ตน้
ดนิ แดนแถบลมุ่ แมน่ ำ�้ เจา้ พระยากอ่ นสมยั กรงุ ศรอี ยธุ ยา หรอื ทเี่ รยี กวา่ “อโยธยาศรรี ามเทพนคร”
ก็พบอิทธิพลของวัฒนธรรมเขมร ซึ่งพัฒนาสืบต่อมาจนถึงสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีท่ี 1 (พระเจ้าอู่ทอง)
ทรงสถาปนากรงุ ศรอี ยธุ ยา เมอ่ื พ.ศ. 1893 ความนยิ มในการสรา้ งเจดยี ท์ รงปรางคแ์ บบเขมร ความเชอื่ ตอ่
พระมหากษัตรยิ ์แบบสมมติเทพของกษตั ริย์อยธุ ยา ตลอดจนภาษาราชส�ำนกั ในสมัยอยุธยาตอนต้นก็เปน็
ภาษาเขมร พระพทุ ธรปู รนุ่ ทเ่ี รยี กวา่ “ศลิ ปะอทู่ อง” และ “ศลิ ปะลพบรุ ”ี ตา่ งกเ็ ปน็ พระพทุ ธรปู ทแ่ี สดงออก
ถึงอทิ ธพิ ลเขมร
ปจั จบุ นั ประเทศไทย มชี าวเขมรตงั้ ชมุ ชนอยอู่ าศยั มาแตเ่ กา่ กอ่ นอยหู่ ลายแหง่ ตง้ั แตแ่ ถบอสี านใต้
ในจงั หวดั นครราชสมี า บรุ รี มั ย์ สรุ นิ ทร์ ศรสี ะเกษ ภาคกลางมที จ่ี งั หวดั ลพบรุ ี สพุ รรณบรุ ี พระนครศรอี ยธุ ยา
ภาคตะวันออกมีที่จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด
ภาคตะวันตกมีทจ่ี งั หวดั ราชบุรี กาญจนบรุ ี เพชรบรุ ี เป็นต้น
ชาวลาว
“ชาวลาว” ในท่ีนี้หมายถึงกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีวัฒนธรรมสัมพันธ์กับอาณาจักรล้านช้างในลุ่มแม่น�้ำ
โขงเดมิ เขา้ มาอยใู่ นสงั คมไทย จากสาเหตปุ จั จยั สำ� คญั 3 ประการ คอื การเดนิ ทางเขา้ มาคา้ ขาย การอพยพ
ลี้ภยั ทางการเมอื ง และการทำ� สงครามกวาดตอ้ น
ชาวลาวนับเป็นกลุ่มชาติพันธุ์อีกกลุ่มนอกเหนือจากชาวจีน ที่เดินทางไปมาค้าขายในภูมิภาคน้ี
มาก แต่ตอนหลงั สมยั อยุธยาตอนปลายเป็นอยา่ งนอ้ ย พบวา่ คนลาวถกู สักเลกโดยทางการ คนลาวจงึ เร่มิ
กลายเปน็ แรงงานไพรแ่ ทนทจี่ ะเปน็ พอ่ คา้ เหมอื นทเ่ี คยเปน็ มาในอดตี ทงั้ นเ้ี พราะรฐั อยธุ ยาตอ้ งการแรงงานไพร่
เพมิ่ ในชว่ งหลงั สถาปนาราชวงศบ์ า้ นพลหู ลวง แตย่ งั คงสถานะพอ่ คา้ คนกลางใหก้ บั คนจนี เพราะราชสำ� นกั
ยงั ตอ้ งการเปิดการคา้ และความสัมพนั ธ์กับจนี
51 ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, (บ.ก.). (2551). มอญ-เขมรศึกษา. กรุงเทพฯ: มูลนิธิโครงการต�ำราสังคมศาสตร์และ
มนุษยศาสตร์.