Page 42 - วิถีไทย
P. 42
2-32 วถิ ไี ทย
แมน่ ำ้� นา่ นกบั แมน่ ำ�้ แควนอ้ ย บรเิ วณตวั เมอื งนครสวรรค์ ทเี่ ปน็ จดุ บรรจบกนั ระหวา่ งแมน่ ำ้� ปงิ กบั แมน่ ำ�้ นา่ น
ซ่งึ ถือเปน็ จดุ เร่มิ ต้นของแม่น�้ำเจา้ พระยา เปน็ ต้น
คนจีนน้ันได้ชื่อว่ายึดม่ันในวัฒนธรรมประเพณีของตนมาก แม้จะไปอยู่ต่างถิ่นก็จะน�ำเอา
ขนบธรรมเนียมประเพณขี องตนไปปฏบิ ตั แิ ละผสมผสานกบั ความเชื่อของท้องถน่ิ ท่ีตนไปอาศัยอยนู่ น้ั ดว้ ย
จงึ พบศาลเจา้ เปน็ ศนู ยก์ ลางชมุ ชนของคนจนี ในทอ้ งถน่ิ ทม่ี คี นจนี เขา้ ไปตงั้ ชมุ ชนอยอู่ าศยั และทำ� การคา้ และ
มพี ธิ เี ซ่นไหว้ตลอดจนประเพณเี ก่ียวข้อง อนั แสดงออกถงึ อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม49
คนจนี โพ้นทะเลทเ่ี ข้ามาในสังคมไทย สามารถจ�ำแนกออกไดเ้ ปน็ 2 กลมุ่ ใหญ่ คอื “แต้จ๋วิ ” กับ
“ฮกเก้ียน” คนจีนแต้จ๋ิว เดิมประกอบอาชีพเป็นชาวนาและแรงงานรับจ้าง ขณะที่ฮกเกี้ยนเป็นพวกผู้ดีมี
ชาตติ ระกลู กลมุ่ จนี แตจ้ ว๋ิ ชว่ งแรกมกั เขา้ มาตง้ั ถน่ิ ฐานในแถบภาคตะวนั ออกของประเทศไทย ในขณะทก่ี ลมุ่
จีนฮกเกี้ยนมักอพยพเข้ามาตั้งถ่ินฐานอยู่แถบภาคใต้ของประเทศไทย ชาวจีนท้ังสองกลุ่มน้ี แม้จะเป็น
ชาวจีนด้วยกัน แต่มีวัฒนธรรมความคิดแตกต่างกันพอสมควร ฮกเกี้ยนได้ช่ือว่าเป็นพวกที่ยึดมั่นใน
ขนบประเพณดี งั้ เดมิ ในขณะทแี่ ต้จิ๋วจะเปน็ พวกท่ชี อบประยุกต์ความเช่ือเดิมของตนเข้ากบั ทอ้ งถ่นิ 50
ในอยุธยาสองกลุ่มต้ังชุมชนอยู่แยกจากกัน โดยชาวฮกเกี้ยนได้รับพระราชทานท่ีดินให้อยู่อาศัย
ในพืน้ ท่ีเกาะเมอื งพระนครศรอี ยธุ ยา บรเิ วณวัดทอง (สวุ รรณดาราราม) วัดรตั นชัย (หรอื วัดจนี ) เพราะ
เปน็ กลมุ่ ทมี่ คี วามรอบรใู้ นขนบธรรมเนยี มประเพณี จงึ ไดร้ บั ความนยิ มและใกลช้ ดิ กบั ราชส�ำนกั ขณะทกี่ ลมุ่
จีนแต้จ๋ิว มักตั้งถิ่นฐานอยู่นอกเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะบริเวณปากคลองข้าวสาร มี
วัดเกาะแกว้ เปน็ ศูนยก์ ลาง
เน่ืองจากชาวจีนเป็นกลุม่ ต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในสังคมไทยเป็นเวลาช้านาน จนผสมกลมกลืนเป็น
ส่วนหน่ึงของสังคมไทย และถือเป็นพลเมืองของอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา เมื่อเกิดสงครามเสียกรุง พ.ศ.
2310 อยธุ ยาแตกพา่ ยตอ่ พมา่ พระยาตาก นามเดมิ วา่ “สนิ ” (คนจงึ นยิ มเรยี กรวมกนั วา่ “พระยาตากสนิ ”
หรอื “พระเจา้ ตากสนิ ” ในเวลาตอ่ มา) ซง่ึ เปน็ ชาวจนี แตจ้ วิ๋ มชี าตกิ ำ� เนดิ อยทู่ ช่ี มุ ชนปากคลองขา้ วสาร ใกล้
วัดเกาะแก้ว จึงเป็นผู้รวบรวมก�ำลังไพร่พลทหารไทยจีนจากหัวเมืองตะวันออกมากอบกู้ราชอาณาจักร
ตอ่ มาหลวงยกกระบตั รราชบรุ ี นามเดมิ วา่ “ทองดว้ ง” (พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกฯ รชั กาล
ที่ 1 ในเวลาตอ่ มา) ซง่ึ เปน็ ชาวจนี ฮกเกยี้ น มชี าตกิ ำ� เนดิ อยทู่ ชี่ มุ ชนวดั ทอง (สวุ รรณดาราราม) กไ็ ดส้ ถาปนา
กรุงเทพฯ เป็นเมอื งหลวง
ชาวเขมร
ชาวเขมรเปน็ ชนชาติเก่าแกข่ องเอเชียตะวันออกเฉียงใตภ้ าคพืน้ ทวปี ถอื วา่ เป็นกลมุ่ ท่รี บั อิทธพิ ล
วฒั นธรรมอนิ เดยี โบราณเปน็ กลมุ่ แรกๆ และเปน็ กลมุ่ ทเี่ ผยแผว่ ฒั นธรรมอนิ เดยี โบราณกลมุ่ แรกๆ ในเอเชยี
ตะวันออกเฉียงใต้ไปพร้อมกัน วัฒนธรรมอินเดียโบราณท่ีว่านั้นก็ได้แก่ วัฒนธรรมเนื่องในคติความเชื่อ
ศาสนาพราหมณ-์ ฮนิ ดู ซง่ึ มอี งคป์ ระกอบสำ� คญั คอื ความเชอื่ ในเทพเจา้ มพี ระศวิ ะ พระวษิ ณุ พระพรหม
49 เรือ่ งเดียวกนั .
50 นิธิ เอียวศรีวงศ.์ (2550). การเมอื งไทยสมัยพระเจา้ กรุงธนบรุ .ี กรุงเทพฯ: มติชน. น. 115-121.