Page 14 - ภาษาถิ่นและวรรณกรรมท้องถิ่นไทย
P. 14
12-4 ภาษาถ่นิ และวรรณกรรมทอ้ งถ่ินไทย
บทน�ำ
ประเทศไทยมีการติดตอ่ สมั พันธก์ บั นานาประเทศมาแต่โบราณ ทง้ั ในเชงิ การคา้ และการสงคราม
ดว้ ยเหตุนจ้ี งึ ทำ� ให้มกี ารแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับวัฒนธรรมตา่ งๆ เปน็ จำ� นวนมาก ร่องรอยความสัมพนั ธ์
และการแลกเปล่ียนวัฒนธรรมที่พบได้ทั่วไปคือ ภาษา ดังท่ีพบค�ำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทยเป็น
จำ� นวนมาก เพลงไทยเดิมสำ� เนียงชาตติ า่ งๆ เช่น ลาวดวงเดอื น เขมรไทรโยค พม่าแทงกบ แขกบรเทศ
ฯลฯ รวมถงึ การแสดงพ้นื บ้านตา่ งๆ เช่น สวดคฤหัสถ์ ลเิ ก ล�ำตดั ท่ีมกี ารแสดงชุดท่เี รยี กว่า “ออกภาษา”
ใช้เล่นเพื่อความบันเทิง เนื่องจากในการบรรเลงน้ันก็จะมีทั้งการขับร้องเน้ือเพลงที่มีเนื้อหาบันเทิง ตลก
ขบขนั รวมทงั้ มีจำ� อวดประกอบเพลงดว้ ย
สุจิตต์ วงษ์เทศ กล่าวว่า เพลงสิบสองภาษา หรือเพลงออกภาษา หมายถึงเพลงส�ำเนียงนานา
ชาตพิ นั ธท์ุ เี่ ปน็ เพอื่ นบา้ นอยโู่ ดยรอบสยาม ทชี่ าวสยามรจู้ กั ดใี นสมยั กอ่ น เชน่ ลาว มอญ เขมร พมา่ ญวน
ชวา มลายู แล้วไกลถงึ จีน ญปี่ นุ่ เกาหลี ฝรง่ั ฯลฯ กไ็ ด้ จำ� นวนส�ำเนียงเพลงมไี มแ่ นน่ อน ขึน้ อยู่กบั เวลา
สถานที่ กลมุ่ นกั ดนตรกี บั นกั รอ้ งทท่ี ำ� งานขณะนน้ั เพลงสบิ สองภาษา มชี น้ั เชงิ แสดงความสมั พนั ธฉ์ นั เครอื
ญาตชิ าตพิ นั ธก์ุ บั เพอ่ื นบา้ น อยา่ งกบั ชอื่ เพลงดนตรนี �ำหนา้ ชอ่ื ชาตพิ นั ธ์ุ อยา่ งไรกด็ ี นอกจากภาษาขา้ งตน้
แล้ว ยังพบว่ามอี อกภาษากะเหร่ียง ภาษาถิ่นตา่ งๆ เชน่ ภาษาตะลงุ (พัทลงุ ) ภาษาชาวเหนอื (ลานนา)
อกี ดว้ ย
“ออกสิบสองภาษา” นับเป็นหลักฐานส�ำคัญในเชิงภาษาและวรรณกรรมท่ีแสดงการด�ำรงอยู่ของ
กลุ่มชาติพันธุ์ในสังคมไทย โดยคนไทยเป็นผู้น�ำเสนอภาพลักษณ์ของประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่มีกลวิธีใน
การนำ� เสนอทเ่ี นน้ การสรา้ งอารมณข์ นั ใหแ้ กผ่ ชู้ ม โดยเนอ้ื หาใน “ออกสบิ สองภาษา” ไมเ่ พยี งแสดงใหเ้ หน็
ถงึ ภาพลกั ษณข์ องแตล่ ะชาติ ตลอดจนประวตั ศิ าสตรส์ งั คมในมติ กิ ารแลกเปลย่ี นและการถา่ ยโอนวฒั นธรรม
รวมถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งประเทศในกลมุ่ ประชาคมอาเซยี นและประเทศคคู่ า้ เทา่ นน้ั หากแตย่ งั ทำ� ใหเ้ หน็
ภูมปิ ญั ญาในการวพิ ากษ์สงั คมไทยของชาวบา้ นโดยการ “ปลอม” เปน็ “คนนอก” เพือ่ วพิ ากษ์สงั คมไทย
อีกด้วย
ในหนว่ ยนจี้ ะไดน้ �ำเสนอวรรณกรรมท้องถิ่นของกลมุ่ ชาตพิ ันธต์ุ า่ งๆ ทีอ่ าศัยอยู่ในประเทศไทย ที่
คนในแตล่ ะชาตพิ นั ธเ์ุ ลา่ เรอ่ื งของตวั เองในฐานะเปน็ สว่ นหนง่ึ ของสงั คมไทย โดยในทน่ี จ้ี ะแบง่ กลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ
เป็น 2 กลมุ่ โดยใชเ้ กณฑก์ ารมตี วั อกั ษรดัง้ เดิมของตนเองเปน็ หลัก ได้แก่ 1) กลมุ่ ชาติพันธ์ุทีม่ ีตวั อกั ษร
คอื กลมุ่ คนไท-ลาว เชน่ ไทลอ้ื ไทใหญ่ ยอง กลมุ่ คนมอญ-เขมร กลมุ่ คนจนี และกลมุ่ คนชวา-มลายู และ
2) กลุ่มชาติพันธุ์ที่ไม่มีตัวอักษร แบ่งเป็น กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยบนภูเขา ได้แก่ ชาวกะเหร่ียง (ปกา-
เกอะญอ) ชาวลาฮู (มเู ซอ) ลซี ู (ลซี อ) อาข่า ชาวมง้ (แมว้ ) เม่ยี น (เยา้ ) และ ญฮั กุร กับกลุม่ ชาตพิ ันธ์ุ
ท่ีอาศัยบนพ้ืนราบ ไดแ้ ก่ เชน่ ชาวชอง กะซอง ซมั เร รวมถงึ กลมุ่ ชาวอูรกั ลาโว้ย หรอื ชาวเล ชาวมอแกน
ทอ่ี าศยั อยูบ่ นเกาะ หรือชายทะเล