Page 18 - ภาษาถิ่นและวรรณกรรมท้องถิ่นไทย
P. 18

12-8 ภาษาถ่ินและวรรณกรรมท้องถิน่ ไทย
เปนเครอ่ื งสะทอ นวัฒนธรรมทางภาษาในระดับสูง แตท น่ี าสนใจคอื ตํานานท่ีมาของตัวอกั ษรมกั ปรากฏใน
กลมุ ชาตพิ นั ธทุ ไี่ มม ตี วั อกั ษรซง่ึ ใชต าํ นานตวั อกั ษรเปน กลไกในการอธบิ ายวา เพราะเหตใุ ดชาตพิ นั ธขุ องตน
จึงไมมีตัวอักษร สวนตํานานพระธาตุมักกลาวถึงกลุมชาติพันธุพื้นเมืองซึ่งมีบทบาทในการยอมรับและ
ธาํ รงรกั ษาพระพทุ ธศาสนา ตาํ นานทงั้ 3 ประเภทจงึ แสดงใหเ หน็ วาทกรรมแหง ความเทา เทยี มของชาตพิ นั ธุ  
ตางๆ ซ่งึ มีสถานภาพท่เี ทาเทียมกันในฐานะที่มกี ําเนดิ รวมกนั เคยมตี วั อกั ษรเหมอื นกัน รวมถึงมีบทบาท
ในดานพระพุทธศาสนาเชนเดียวกันผานตํานานและนิทาน แมวาในความเปนจริงแลวจะไมเทาเทียมกัน
ก็ตาม

       โดยเฉพาะในต�ำนานก�ำเนิดมนุษย์ทส่ี �ำคัญในภูมิภาค คอื ต�ำนานน้�ำเต้าปุ้ง ของลาวแสดงใหเ้ ห็น
ความสมั พนั ธก์ บั คนชาตพิ นั ธต์ุ า่ งๆ ในดนิ แดนลา้ งชา้ ง ตำ� นานกลา่ วว่า เมอื่ เกดิ น�้ำเตา้ ลกู ใหญอ่ อกมาจาก
ซากควายทแี่ ถนมอบไวใ้ ห้ แถนซไี ดใ้ ชเ้ หลก็ ชี (ไซ) ผลนำ้� เตา้ ฝงู คนทอ่ี อกมากลมุ่ แรกมผี วิ คลำ้� เพราะเหลก็
รอ้ นมาก กลมุ่ นค้ี อื กลมุ่ ชนชาตขิ า่ สว่ นกลมุ่ ทอ่ี อกมาจากรสู วิ่ ผวิ ขาวกวา่ และปญั ญาดกี วา่ กลมุ่ นค้ี อื ชนชาติ
ไทซ่ึงจะเป็นไพร่บ้านอยู่กับขุนบรมผู้ปกครองท่ีแถนส่งมาให้ (สุกัญญา สุจฉายา, 2543, น. 96) ผู้คนท่ี
ออกมาจากน�้ำเต้าน้ี สจุ ติ ต์ วงษเ์ ทศ สนั นิษฐานวา่ นา่ จะหมายถงึ คน 5 กลมุ่ หลกั ตามตระกูลภาษาหลัก
ในภมู ภิ าค คอื 1) กลมุ่ คนไท - ลาว (ภาษาตระกลู ไท) 2) กลมุ่ คนจนี - ทเิ บต (ภาษาตระกลู จนี - ทเิ บต)
3) กลุ่มคนมง้ - เมยี่ น (เยา้ ) (ภาษาตระกลู ม้ง - เม่ียน) 4) กลุ่มคนมอญ - เขมร (ภาษาตระกูลออสโตร
เอเชยี ติก) 5) กลุ่มคนชวา - มลายู (ภาษาตระกูลออสโตรนีเชียน) (สจุ ิตต์ วงษเ์ ทศ, 2559)

       ความใกล้ชดิ สมั พนั ธข์ องกลุ่มชาติพันธ์ุตา่ งๆ ในภมู ภิ าคท้ังในรปู แบบของการตดิ ตอ่ ค้าขาย และ
การสงครามนเ้ี อง จงึ เปน็ เหตใุ หเ้ ราอาจพบความคลา้ ยคลงึ กนั ของวรรณกรรมทอ้ งถนิ่ เนอื่ งจากการเคลอื่ น
ย้ายของผูค้ นเปน็ เหตุใหเ้ กดิ การเล่านทิ านในต่างๆ ถิ่นและเกิดปรากฏการณท์ ี่ ศิราพร ณ ถลาง เรยี กวา่
“การเดินทางของนิทาน” ขึ้น เกิดการแลก - รับ - ปรับ - เปลี่ยน วรรณกรรมต่างถ่ินและปรับปรุง
ใหเ้ ปน็ “ส�ำนวน” ของชาติพันธตุ์ น ตามความเหมาะสมและรสนิยมของแต่ละทอ้ งถิ่น โดยจะไดน้ �ำเสนอ
วรรณกรรมทอ้ งถน่ิ ของกลมุ่ ชาตพิ นั ธต์ า่ งๆ ในตอนตอ่ ไป ซง่ึ แบง่ เปน็ วรรณกรรมทอ้ งถน่ิ ของกลมุ่ ชาตพิ นั ธ์ุ
ท่มี ีตัวอกั ษร และวรรณกรรมท้องถนิ่ ของกล่มุ ชาตพิ ันธ์ุทไ่ี มม่ ตี วั อกั ษร

กิจกรรม 12.1.1
       1. 	ต�ำนานก�ำเนิดมนุษยท์ ี่สัมพนั ธใ์ นภูมภิ าคคอื เรอื่ งใด และมีความสำ� คัญอย่างไร
       2 	 “การเดนิ ทางของนทิ าน” มลี ักษณะอย่างไร

แนวตอบกิจกรรม 12.1.1
       1. 	ต�ำนานกำ� เนิดมนษุ ย์ทีส่ ำ� คัญในภูมิภาค คอื ต�ำนานนำ้� เตา้ ป้งุ แสดงให้เหน็ ความสมั พนั ธ์กบั

คนชาติพันธ์ุต่างๆ ในดนิ แดนล้างช้าง ต�ำนานกล่าวว่า เมอื่ เกิดนำ�้ เตา้ ลูกใหญ่ออกมาจากซากควายท่ีแถน
มอบไวใ้ ห้ แถนซีไดใ้ ช้เหลก็ ชี (ไซ) ผลน้�ำเต้า ฝงู คนท่อี อกมากลมุ่ แรกมีผิวคลำ้� เพราะเหล็กรอ้ นมาก กลุ่ม
นค้ี อื กลมุ่ ชนชาตขิ า่ สว่ นกลมุ่ ทอี่ อกมาจากรสู วิ่ ผวิ ขาวกวา่ และปญั ญาดกี วา่ กลมุ่ นค้ี อื ชนชาตไิ ทซง่ึ จะเปน็
   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23