Page 17 - ภาษาถิ่นและวรรณกรรมท้องถิ่นไทย
P. 17
วรรณกรรมท้องถ่ินของกลุ่มชาติพนั ธ์ใุ นประเทศไทย 12-7
เร่ืองที่ 12.1.1
อัตลักษณ์ชาติพันธุ์กับวรรณกรรมท้องถ่ิน
พฒั นา กติ ิอาษา (2546, น. 139) กลา่ วว่า เน้ือหาสําคญั ของอตั ลักษณ์ คือจิตสาํ นึกส่วนตวั และ
จติ สาํ นึกสว่ นรวมในระดบั สงั คมที่เกิดจากการนิยามตัวเองว่าตงั้ เองคือใครเปน็ มาอย่างไร แตกตา่ งจากคน
กลมุ่ อ่ืนหรอื สงั คมอนื่ อยา่ งไร และจะใชอ้ ะไรเปน็ เครือ่ งหมายในการแสดงออก นอกจากนี้ ยงั มีนักวชิ าการ
ท่ีใหค้ วามหมาย อตั ลักษณท์ างวฒั นธรรมไวว้ า่ หมายถึงความรสู้ ึกหรือวัฒนธรรมรว่ มของกลมุ่ หรอื การท่ี
ปจั เจกชนมอี ทิ ธพิ ลหรอื การไดร้ บั การยอมรบั จากวฒั นธรรมของกลมุ่ นน้ั ๆ นอกจากนกี้ ารยอมรบั วฒั นธรรม
ของกลุ่มคนยังมีความเก่ียวเนื่องกับบรรทัดฐานของสังคม (norms) ซ่ึงบุคคลต้องยอมรับความเป็น
เอกลกั ษณห์ รอื อตั ลกั ษณข์ องกลมุ่ ใหไ้ ด้ ความสาํ คญั ของการสรา้ งเอกลกั ษณท์ างวฒั นธรรมทาํ ใหเ้ หน็ ความ
แตกตา่ งและความหลากหลายทางชาตพิ นั ธ์ุ ทง้ั นค้ี วามแตกตา่ งดงั กลา่ วควรไดร้ บั การยอมรบั มากกวา่ การ
ตําหนหิ รอื เกดิ ความขดั แยง้ ระหวา่ งกลมุ่ เพราะเกิดจากความแตกต่างและการไม่ยอมรับวัฒนธรรมเฉพาะ
ของกลมุ่ น้ันๆ นอกจากน้ีการยอมรบั ในอตั ลักษณ์ทางวัฒนธรรมของกล่มุ ทาํ ให้บุคคลได้รบั การยอมรับเขา้
รว่ มเป็นสมาชกิ ของกล่มุ ได้งา่ ยมากขึ้นด้วย
ในวรรณกรรมท้องถิ่นของกลุ่มชาติพันธุ์ มักแสดงให้เห็น “บุคลิก” หรือลักษณะเฉพาะของ
ชาตพิ นั ธส์ุ อดแทรกแฝงไว้ ซงึ่ หากอา่ นหรอื ฟงั เพยี งผวิ เผนิ อาจไมต่ า่ งจากนทิ านทวั่ ไปทเี่ ปน็ เรอ่ื งสนั้ ๆ เกยี่ วกบั
ผู้คน สิงสาราสัตว์ มีอิทธิปาฏิหาริย์ ของวิเศษ และแฝงด้วยคติสอนใจ แต่สิ่งท่ีน่าสนใจในความเป็น
วรรณกรรมของกลุ่มชาติพันธุ์คือ เน้ือหามีกล่ินอายของความเป็นชาติพันธุ์ มีสัญลักษณ์ที่เป็นอัตลักษณ์
ต่างๆ ท่ีท�ำให้ผู้คนได้รับรู้ถึงส่ิงดีงาม เช่น บางเรื่องสอนถึงความซ่ือสัตย์ บางเร่ืองสอนถึงความกตัญญู
มีการอธิบายท่ีมาของสรรพสิ่งในธรรมชาติ การสังเกตธรรมชาติ รวมถึงการอธิบายท่ีมาของวัฒนธรรม
ประเพณใี นกลมุ่ ชาติพนั ธ์ุ ทำ� ให้คนในกลมุ่ เกดิ ความภาคภมู ใิ จ ขณะเดียวกนั วรรณกรรมท้องถิ่นของกลุ่ม
ชาติพันธุ์บางเร่ืองสะท้อนการต่อสู้ หรือการถูกเอารัดเอาเปรียบจากชาวเมืองไว้ เช่น บางเรื่องอธิบายถึง
สาเหตุทีพ่ วกเขาตอ้ งอพยพเขา้ มา บางเรือ่ งก็เล่าถงึ สาเหตุทที่ �ำให้พวกเขาไมร่ ู้หนงั สือ เป็นต้น
ในการศึกษาต�ำนาน ซึ่งมักกล่าวถึงเรื่องศักด์ิสิทธ์ิต่างๆ ท่ีคนสมัยโบราณเชื่อกันว่าคร้ังหนึ่งเคย
เกิดขึ้นจรงิ และมกั กลา่ วถงึ ก�ำเนดิ ความเปน็ มาของส่ิงต่างๆ น้นั ในตำ� นานของกลุ่มชาตพิ นั ธุ์ วัชราภรณ์
ดิษฐป้าน (2558, น. 280) ได้ศึกษาเรื่อง “วาทกรรมและบทบาทของนิทานในมิติชาติพันธุ์สัมพันธ์”
โดยศึกษาตํานานประเภทท่ีมีการกลาวถึงกลุมชาติพันธุตางๆ และอธิบายเก่ียวกับลักษณะความแตกตาง
ของกลุมชาติพันธุเหลานั้น รวมถึงสาเหตุของความแตกตาง ไดแก ตํานานน้ําทวมโลกและกําเนิดมนุษย
ตาํ นานตวั อกั ษร และตาํ นานพระธาตุ ตาํ นานทงั้ 3 ประเภทนก้ี ลา วถงึ ชาตพิ นั ธตุ า งๆ ในลกั ษณะทแี่ ตกตา งกนั
กลาวคือตํานานนํ้าทวมโลกและกําเนิดมนุษย มักกลาวถึงชาติพันธุตางๆ ที่เกิดข้ึนมาและเปนมนุษย
ยุคใหมหลังนํ้าทวมโลกครั้งใหญ่ ชาติพันธุที่เกิดขึ้นใหมนี้ มีกําเนิดรวมกันจึงเปนพ่ีนองกัน แตไดแยก
กนั ไปและกลายเปน บรรพบรุ ษุ ของมนษุ ยต าํ นานตวั อกั ษรเปน ตาํ นาน ทอี่ ธบิ ายเกยี่ วกบั กาํ เนดิ ตวั อกั ษรซง่ึ