Page 18 - การจัดการทรัพยากรสารสนเทศท้องถิ่น
P. 18
3-8 การจดั การทรัพยากรสารสนเทศท้องถิน่
2.1 ด้านการเรียนการสอน พระราชบญั ญัตกิ ารศึกษา พ.ศ. 2542 มาตรา 27 วรรค 2 ระบุวา่
“ใหส้ ถานศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐานมหี นา้ ทจ่ี ดั ทำ� สาระของหลกั สตู รตามวตั ถปุ ระสงค์ ในวรรคหนงึ่ ในสว่ นเกยี่ วกบั
สภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถ่ิน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของ
ครอบครวั ชมุ ชน สงั คม และประเทศชาต”ิ สามารถนำ� ความรจู้ ากทอ้ งถน่ิ มาประยกุ ตใ์ นการเรยี นการสอน
2.2 ด้านการแก้ปัญหาของท้องถ่ินและการพัฒนาสถาบันท้องถ่ิน โดยการใชส้ ารสนเทศทอ้ งถนิ่
พัฒนาบคุ ลากรและการด�ำเนนิ งานขององค์กรทอ้ งถิน่ ท�ำให้เกดิ ความเขา้ ใจในพัฒนาการของแต่ละชมุ ชน
และพัฒนาชมุ ชนได้ง่ายขนึ้
2.3 ด้านการศึกษาวิจัยท้องถ่ิน ได้รับความรู้ประเด็นเก่ียวกับท้องถิ่นและหัวเร่ืองท่ีสนใจเฉพาะ
ด้านน�ำไปส่คู วามรูพ้ ้นื ฐานและมลู คา่ เพ่มิ ใหแ้ กช่ ุมชน
2.4 ด้านการอนุรักษ์และด�ำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของชุมชน สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตในชุมชนและ
ทอ้ งถน่ิ ปลกู ฝงั คณุ คา่ และกระตนุ้ ใหเ้ กดิ การเกบ็ รวบรวมสารสนเทศในทอ้ งถนิ่ ของตน และกอ่ ใหเ้ กดิ ความ
ภาคภูมิใจในชื่อเสียงของท้องถ่ิน สารสนเทศที่เก่ียวข้องกับภูมิปัญญาท้องถ่ินวัฒนธรรมท้องถิ่น
ประวตั ิศาสตรข์ องชาติ ทำ� ใหเ้ กดิ ความภาคภมู ใิ จ ความรกั ความสามัคคแี ละความม่นั คงในชาติ
2.5 ด้านหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ชว่ ยสนบั สนนุ การศกึ ษาคน้ ควา้ และวจิ ยั ทเี่ กยี่ วกบั ทอ้ งถนิ่
ทำ� ใหง้ ่ายมากขึน้ และเกดิ ความชดั เจน
2.6 ด้านการส่ือสารในชุมชน ทำ� ใหก้ ารสอ่ื สารประจำ� วนั ในหมสู่ มาชกิ /ชมุ ชน หรอื ระหวา่ งชมุ ชน
งา่ ยและสะดวกขน้ึ ทำ� ใหส้ ามารถตดิ ตามเหตกุ ารณค์ วามเคลอื่ นไหวของขา่ วจากทอ้ งถน่ิ นำ� ไปสคู่ วามเขา้ ใจ
อันดีระหวา่ งกนั สามารถอยรู่ ่วมกันได้และช่วยให้มโี ลกทศั น์กวา้ งไกลขนึ้
2.7 ด้านวิทยาการและเทคโนโลยี สามารถน�ำข้อมูลท้องถ่ินไปใช้ในด้านการแพทย์ สาธารณสุข
และโภชนาการ ก่อใหเ้ กดิ การพัฒนาประเทศและคุณภาพชีวติ ท่ีดขี ึน้
เนอ่ื งจากภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ จดั เปน็ ทรพั ยากรสารสนเทศทอ้ งถน่ิ ประเภทหนงึ่ จงึ ขอกลา่ วถงึ ความ
ส�ำคัญของภูมิปัญญาท้องถ่ิน ดังน้ี (เอกวิทย์ ณ ถลาง, 2540, น. 49; นิคม ชมพูหลวง, 2548, น. 8
อา้ งถงึ ในนยิ ม เชยกวี งษ์, 2552, น. 6-7)
1) ด้านความรักและความภาคภูมิใจในท้องถ่ินตน คนในทอ้ งถน่ิ รสู้ กึ ชนื่ ชม ภมู ใิ จในมรดก
ทางปญั ญาทางวัฒนธรรมทไ่ี ด้ส่งั สมสืบทอดมาช้านาน เกิดความหวงแหน ซงึ่ จะเปน็ การเชอ่ื มโยงความรู้
ระหวา่ งภูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ กับความรู้สมยั ใหม่
2) ด้านการอนุรักษ์มรดกไทย ช่วยผดุงศักด์ิศรี เกียรตภิ ูมิ ความงดงาม และความแยบยล
ของภูมปิ ญั ญา ปรชี าญาณทม่ี ผี ้สู ร้างสรรคแ์ ละสัง่ สมไว้
3) ด้านความสงบสุขแห่งสังคม สามารถน�ำหลักธรรมค�ำสอนทางศาสนามาประยุกต์ให้
เหมาะสมกับวิถกี ารดำ� เนนิ ชวี ิต
4) ดา้ นการเรยี นรสู้ สู่ งั คมใหม่ สรา้ งรอยตอ่ และขมุ ขา่ ยแหง่ การเรยี นรโู้ ดยไมป่ ดิ กนั้ การเรยี นรู้
ภมู ิปัญญาใหมท่ ่ีมีมาในอนาคต ช่วยสร้างความสมดลุ ระหว่างมนุษยก์ ับสังคม มนษุ ย์กบั ส่ิงแวดลอ้ ม และ
ปรับเปล่ยี นวถิ ชี วี ติ ของคนในสงั คมให้เหมาะสมตามยุคสมัย