Page 20 - การจัดการทรัพยากรสารสนเทศท้องถิ่น
P. 20

3-10 การจดั การทรัพยากรสารสนเทศทอ้ งถิน่

เร่ืองท่ี 3.1.2
ประเภทของแหล่งทรัพยากรสารสนเทศท้องถิ่น

       ประเภทของแหลง่ ทรพั ยากรสารสนเทศท้องถิ่นอาจจำ� แนกไดห้ ลากหลายประเภท
       1. 	จ�ำแนกประเภทแบบง่าย ๆ เปน็ 2 ลักษณะ คอื

            1.1	 แหล่งทรัพยากรสารสนเทศท้องถิ่นที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ได้แก่ แมน่ ำ้�  ลำ� คลอง
ภูเขา หบุ เขา ถ�้ำ ปา่ ท้องทุ่ง ทอ้ งนา สตั วท์ ่ีอยูต่ ามธรรมชาตแิ ละ แร่ธาตุตา่ งๆ สภาพภมู อิ ากาศ

            1.2	 แหล่งทรัพยากรสารสนเทศท้องถ่ินท่ีมนุษย์สร้างข้ึน ได้แก่ ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์
ศาสนสถาน บา้ นเรือน ถนนหนทาง เครือ่ งมือสอื่ สาร ยานพาหนะต่างๆ ปราสาท ก�ำแพง คูเมือง สัตว์
และพืชในท้องถิ่น สวนสัตว์ สวนพฤกษศาสตร์

       2.	 จ�ำแนกประเภททรัพยากรสารสนเทศโดยทั่วไป ซ่งึ จ�ำแนกตามแหล่งที่เกดิ และจำ� แนกตาม
แหล่งผลิตและเผยแพร่ทรพั ยากรสารสนเทศ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปน้ี (ประภาวดี สบื สนธ์ิ และนฤมล
รกั ษาสขุ , 2550, น. 76; ทศั นา หาญพล, 2549, น. 3-9-3-10; จมุ พจน์ วนิชกลุ , 2544)

            2.1 	แหล่งทรัพยากรสารสนเทศท้องถ่ินจ�ำแนกตามแหล่งท่ีเกิด ได้แก่ แหล่งสารสนเทศ
ค�ำบอก แหลง่ สารสนเทศทเี่ ปน็ เอกสาร และแหล่งสารสนเทศทีไ่ มเ่ ปน็ เอกสาร

                 2.1.1 	แหล่งสารสนเทศค�ำบอก (oral source) หมายถึง แหลง่ สารสนเทศทเ่ี กิดจาก
การถา่ ยทอดความรแู้ ละประสบการณข์ องผรู้ โู้ ดยทางวาจา มกั เปน็ ความรทู้ ไี่ มเ่ ปน็ ทางการ แหลง่ สารสนเทศ
ค�ำบอกทสี่ ำ� คญั ไดแ้ ก่ ประเพณีคำ� บอก (oral tradition) เชน่ ประเพณีของชาวไทยพวน ส่วนใหญ่จะ
เปน็ การสืบทอดต่อๆ กนั มา จะเน้นพธิ กี รรมทางดา้ นพระพทุ ธศาสนา เป็นการบชู านับถือบรรพบุรุษปยู่ ่า
ตายายและผู้ล่วงลับไปแล้ว ได้แก่ ประเพณีงานวันตรุษ ประเพณีเลี้ยงผี ประเพณีบุญสลากภัตร และ
ประเพณกี ารกวนข้าวทิพยห์ รอื ข้าวมธปุ ายาส ประวัตศิ าสตรค์ ำ� บอก (oral history) ตวั อย่างเช่น ตำ� นาน
เมืองนางย่อน เป็นต�ำนานเร่ืองเล่าท่ีสืบเน่ืองมาแต่อดีต โดยในเร่ืองราวเล่าต่อกันมาได้ปรากฏช่ือของ
หมบู่ า้ น ตำ� บล และสถานทส่ี ำ� คญั ตา่ งๆ ของอำ� เภอครุ ะบรุ ี ซง่ึ เปน็ ชอื่ ทใี่ ชเ้ รยี กกนั อยใู่ นปจั จบุ นั เรอื่ งทเ่ี ลา่
สบื ตอ่ กนั มานน้ั จะเปน็ จรงิ หรอื ไม่ ไมม่ ใี ครสามารถยนื ยนั ได้ แตก่ น็ บั วา่ เปน็ สง่ิ ทมี่ คี ณุ คา่ ควรแกก่ ารสบื ทอด
ต่อไปสู่อนุชนรุ่นหลัง นอกจากน้ี มีค�ำบอกเล่าของหลวงปู่มั่นเร่ืองประวัติความเป็นมาของพระแก้วมรกต
และมเี รอ่ื ง เขาพระวหิ ารคำ� บอกเลา่ ของผทู้ ไ่ี ปศาลโลก ม.ร.ว.เสนยี ์ ปราโมช และวรรณกรรมมขุ ปาฐะ (oral
literature) วรรณกรรมมุขปาฐะ หมายถึง วรรณกรรมที่เล่าด้วยปาก ไม่ได้จดบันทึก เป็นการเล่าต่อๆ
กันมา ตัวอย่างเช่น เรอ่ื งกฤษณาสอนนอ้ ง เป็นวรรณกรรมมุขปาฐะ มมี าต้ังแต่สมยั กรงุ ศรีอยุธยา ไม่เคย
มผี ู้ใดท�ำการวิเคราะหท์ มี่ าของวรรณกรรมเร่ืองน้ี จนกระทั่งมีการแตง่ เป็นหนงั สือในรัชกาลท่ี 3 และกลาย
เป็นวรรณคดีค�ำฉันท์ที่ส�ำคัญเล่มหน่ึง สมัยรัตนโกสินทร์ เร่ืองกฤษณาสอนน้องค�ำฉันท์น้ีมีตกทอดมาถึง
สมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ในรูปแบบของวรรณกรรมมุขปาฐะคือ
ทอ่ งจำ� และถ่ายทอดกันมาด้วยการเล่าปากเปล่า ไม่มกี ารบนั ทกึ เป็นลายลักษณอ์ กั ษร
   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25