Page 64 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 64

8-54 ทฤษฎแี ละการวจิ ารณภ์ าพยนตร์

เรื่องท่ี 8.3.1
ความสัมพันธ์ของการเล่าเรื่องในภาพยนตร์กับทฤษฎีสัญวิทยา

       ทฤษฎีสัญวิทยาน้ันเป็นทฤษฎีที่สามารถน�ำไปใช้อธิบายระบบสัญญะได้ทั้งหมด และภาพยนตร์
เป็นสัญญะในรูปแบบหน่ึง การเล่าเรื่องน้ันจ�ำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีทฤษฎีสัญวิทยาประกบเพ่ือท�ำความ
เขา้ ใจการทำ� งานของระบบสญั ญะตา่ งๆ ทั้งทอ่ี ยใู่ นแต่ละองคป์ ระกอบของการเล่าเรือ่ งและการทำ� งานรว่ ม
กันของแต่ละองค์ประกอบ ในภาพยนตร์นั้นล�ำพังเพียงทฤษฎีการเล่าเร่ืองนั้นไม่สามารถให้ค�ำอธิบายที่
ครอบคลมุ ลมุ่ ลกึ ได้ การมที ฤษฎสี ญั วทิ ยาประกบคกู่ บั ทฤษฎกี ารเลา่ เรอื่ งจะท�ำใหม้ มุ มอง คำ� อธบิ ายทม่ี ตี อ่
ภาพยนตร์น้ันมีความลมุ่ ลึกขนึ้ ไม่หยุดนิง่

       ค�ำอธิบายของนักวิชาการด้านสัญวิทยาสามารถแบ่งออกเป็นสองสายหรือสองยุคด้วยกัน ได้แก่
ยุคโครงสร้างนิยมและยุคหลังโครงสร้างนิยม ความแตกแต่งของสองยุคนี้คือ ในยุคโครงสร้างนิยมน้ัน
แนวคดิ มลี กั ษณะทส่ี ลายฐานะการเปน็ ผกู้ ระทำ� ของมนษุ ย์ การเปน็ ศนู ยก์ ลางของมนษุ ยใ์ นฐานะองคป์ ระธาน
โดยไม่ให้ความส�ำคัญกบั เร่ืองเจตนาของมนุษย์ มองว่าทุกอย่างเป็นเรื่องของโครงสร้าง รหัส ระบบ และ
ระเบียบในการจัดเรียง จัดวาง ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากความคิดแบบวิทยาศาสตร์และความเป็นวัตถุวิสัย
ตามแนวคิดแบบปฏิฐานนิยม (Positivism) สรุปให้เข้าใจอย่างง่ายคือนักวิชาการในกลุ่มโครงสร้างนิยม
นั้นมุ่งหาโครงสร้าง ไวยากรณ์ท่ีอยู่หลังเร่ืองเล่าต่างๆ โดยเช่ือว่าทุกเร่ืองเล่านั้นจะต้องมีโครงสร้าง/
ไวยากรณ์ท่รี ่วมกนั

       ขณะที่ในยุคหลังโครงสร้างนิยมน้ันมีลักษณะที่ปฏิเสธแนวคิดในยุคโครงสร้างนิยม ความคิดของ
นกั วชิ าการกลมุ่ นนี้ นั้ ไมเ่ ชอื่ ในความหมายทตี่ ายตวั ทไ่ี ดจ้ ากการคน้ หาโครงสรา้ งในตวั บท ไมม่ คี วามหมาย
ที่สมบูรณ์ตายตัวในตัวบท เป็นเพียงการชะลอ/หน่วงเหน่ียวความหมาย (defer) และการเพิ่มเติม
เปลย่ี นแปลงความหมาย (differ) การคดิ แบบหลงั โครงสรา้ งนยิ มนนั้ การคดิ จงึ ไมม่ คี วามสมบรู ณเ์ ดด็ ขาด
คิดในลักษณะก�ำลังจะเกิดข้ึน/ก�ำลังจะเป็น (becoming) มากกว่าท่ีจะคิดในแบบของการมีอยู่/เป็นอยู่
(being) นอกจากนี้กลุ่มหลังโครงสร้างนิยมยังเห็นว่ามนุษย์ไม่ได้เป็นศูนย์กลางในฐานะขององค์ประธาน
มนษุ ยไ์ มไ่ ดม้ คี วามเปน็ อสิ ระหรอื อำ� นาจอธปิ ไตย แตเ่ ปน็ เพยี งผลลพั ธข์ องระบบสงั คม อำ� นาจ ความชอบธรรม
ไมไ่ ดม้ าจากผู้สง่ สาร แตม่ าจากวาทกรรมทผี่ พู้ ดู รับมาใช้ เช่น ภาพยนตร์ท่เี กย่ี วกบั ความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง
สามแี ละภรรยาพดู ถงึ ความสมั พนั ธด์ งั กลา่ วตามวาทกรรมชายเปน็ ใหญท่ ผ่ี สู้ รา้ งสรรคภ์ าพยนตรท์ งั้ ผเู้ ขยี น
บทและผกู้ ำ� กบั รับมาจากสงั คม

       ในยคุ โครงสรา้ งนยิ ม ในทนี่ จี้ ะยกแนวคดิ ของนกั วชิ าการดา้ นสญั วทิ ยาอยา่ งเฟอรด์ นิ านด์ เดอ โซซรู ์
(Ferdinand de Saussure, 1857-1913) นกั วิชาการซึ่งบกุ เบกิ การศกึ ษาด้านสัญวิทยา (semiology) มา
อธบิ าย เนอื่ งจากเปน็ แนวคดิ ทเี่ ปน็ ฐานทส่ี ำ� คญั ของกลมุ่ โครงสรา้ งนยิ ม โดยมปี ระเดน็ ทนี่ า่ สนใจซงึ่ สามารถ
เชือ่ มโยงกบั ระบบสัญญะในภาพยนตรไ์ ด้ ดังนี้
   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69