Page 67 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 67
การเล่าเร่อื งในภาพยนตร์ 8-57
ในยุคหลังโครงสร้างนิยม แนวคิดของโรล็องด์ บาร์ธส์ (Roland Barthes, 1915-1980) เรื่อง
มายาคติ (myth) ความหมายโดยตรงกบั ความหมายโดยนยั และมรณกรรมของผปู้ ระพนั ธ์ สามารถนำ� มา
ใช้ในการอธบิ ายระบบสัญญะในภาพยนตร์ ดังนี้
(1) ความหมายโดยตรงกับความหมายโดยนัย บาร์ธส์น�ำแนวคิดของเดอ โซซูร์มาขยายต่อโดย
เน้นไปทกี่ ารสรา้ งความหมายในล�ำดับที่ 2 (secondary signification) บาร์ธสไ์ ด้อธบิ ายกระบวนการใน
การสือ่ ความหมายว่าประกอบดว้ ย 2 ระดบั
ระดับแรก เป็น ความหมายโดยตรง (denotation) เป็นความหมายตามตัวของภาษา มี
ลกั ษณะเปน็ วตั ถุวิสัย เชน่ พม่า หมายถึง ชนชาติหน่ึงท่อี ยู่ตดิ กบั ประเทศไทย
ระดับท่ีสอง ความหมายโดยนัย (connotation) เป็นการตีความท่ีถูกใส่ความหมายเชิง
วัฒนธรรมไว้ (social/cultural meaning) มีลกั ษณะเป็นอัตวสิ ัย (subjective) เช่น ภาพชาวพม่าทถี่ ูก
ประกอบสร้างให้เปน็ ศัตรขู องคนไทยในภาพยนตร์ และละครจำ� นวนมาก
(2) มายาคติ (myth) ต่อเนื่องมาจากความหมาย 2 ระดับ ได้แก่ ความหมายโดยตรงและ
ความหมายโดยนยั ขา้ งตน้ บารธ์ สใ์ หค้ วามสำ� คญั กบั ความหมายระดบั ทส่ี องซงึ่ เปน็ ความหมายโดยนยั ซง่ึ
เป็นที่ท่ีมายาคติท�ำงานอยู่ มายาคติในทัศนะของบาร์ธส์นั้น ไม่ได้หมายถึงเร่ืองเล่านิทานปรัมปราที่มีมา
แต่สมัยโบราณอย่างท่ีคนท่ัวไปเข้าใจกัน แต่มายาคติของเขาหมายถึง กระบวนการสรุปรวบยอดทาง
ความคิด (conceptualisation) ของคนในสังคมต่อเร่ืองใดเรื่องหนึ่ง ซ่ึงเบ้ืองหลังของมายาคติก็คือภาค
ปฏิบัติการของอุดมการณ์ต่อเรื่องน้ัน เป็นการที่สังคมเลือกเอาความหมายโดยนัยบางชุดออกมาเป็น
ความหมายหลักและมีความชอบธรรม กล่าวคือ การหยิบเอาความหมายโดยนัยบางชุดให้กลายมาเป็น
ความหมายโดยตรงน่ันเอง เช่น เมื่อภาพยนตร์เสนอภาพความเป็นศัตรูของพม่าผ่านภาพยนตร์ย้อนยุค
สมัยกรุงศรีอยุธยามากๆ เมื่อคนไทยนึกถึงคนพม่าก็จะนึกถึงความเป็นศัตรูของคนไทย การเผาบ้าน
เผาเมอื งกรงุ ศรอี ยธุ ยา อยา่ งไรกด็ บี ารธ์ สเ์ หน็ วา่ ทใี่ ดกต็ ามทมี่ มี ายาคตทิ ำ� งานอยู่ ทนี่ น้ั กจ็ ะมมี ายาคตติ อ่ ตา้ น
(counter-myth) ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามายาคติชุดต่างๆ น้ันจะอยู่ในสนามการต่อสู้ทางความหมายตลอด
เวลาดงั ทเ่ี ราจะเหน็ ภาพยนตรไ์ ทยในยคุ หลงั ๆ เรม่ิ ประกอบสรา้ งความหมายของพมา่ ขน้ึ มาใหมเ่ ชน่ พระเอก
หน่มุ นอ้ ยชาวพมา่ ในเร่อื ง สดุ สเน่หา (2545) ทีม่ ีแต่คนไทยรุมรกั
(3) มรณกรรมของผู้ประพันธ์ บารธ์ สไ์ ดเ้ ขียนบทความชอ่ื “The Death of Author” (1976)
แสดงทัศนะของเขาต่อความหมายของตัวบทต่างๆ ว่า ความหมายในตัวบทนั้นไม่ได้เป็นสิ่งท่ีขึ้นกับ
เจตจำ� นงของผปู้ ระพนั ธ์ หากแตข่ นึ้ กบั ผอู้ า่ น (reader) ทสี่ ามารถสรา้ งความหมายในตวั บทขนึ้ มาเอง ความ
หมายในตวั บทจงึ มลี กั ษณะทล่ี น่ื ไหล ไมต่ ายตวั และเปดิ กวา้ งตอ่ การตคี วาม ซงึ่ เมอื่ นำ� แนวคดิ ดงั กลา่ วไป
เปรียบเทยี บแนวคดิ ในกลุ่มโครงสรา้ งนยิ มในการศึกษาตวั บทต่างๆ แลว้ แนวคดิ ของบาร์ธส์ก็เท่ากบั บอก
เราว่าการหาโครงสร้างดังกล่าวเป็นสิ่งท่ีเปล่าประโยชน์เพราะสุดท้ายอ�ำนาจในการตีความหรือสร้าง
ความหมายนนั้ เปน็ สงิ่ ทข่ี นึ้ อยกู่ บั ผอู้ า่ นแตล่ ะคนทอ่ี าจตคี วามสารแตกตา่ งกนั ออกไป การตคี วามภาพยนตร์
ในปจั จบุ นั กเ็ ชน่ กนั อำ� นาจในการตคี วามไมไ่ ดอ้ ยใู่ นมอื ของผสู้ รา้ งสรรคภ์ าพยนตรห์ รอื ผเู้ ชยี่ วชาญ นกั วชิ าการ
อีกต่อไป ไม่ว่าเจตนารมณ์ของผู้สร้าง รหัสท่ีสร้างจะเป็นไปตามหลักวิชาการเพียงใด อ�ำนาจของการ
ตีความเป็นอ�ำนาจของผู้รับสารซ่ึงแต่ละคนจะตีความตามต้นทุนความรู้ วัฒนธรรม ประสบการณ์ชีวิต
ของตน