Page 71 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 71

การเล่าเรอื่ งในภาพยนตร์ 8-61
และทำ� การจดั ระเบยี บความหมายประเภทตา่ งๆ ถา้ เราเกดิ มแี นวคดิ เกยี่ วกบั สงิ่ ตา่ งๆ กแ็ สดงวา่ เรามคี วาม
หมายเก่ียวกับสิ่งๆ นนั้ เชน่ ถ้าพูดถงึ เพศท่ีสามในภาพยนตร์แล้วภาพทอ่ี ยใู่ นหวั เราคอื อะไร ระบบที่สอง
เปน็ การใชภ้ าษาเพอื่ สอ่ื สารกบั คนอน่ื ๆ ในสงั คม จากตวั อยา่ งขา้ งตน้ หากไมม่ รี ะบบทสี่ องนภี้ าพในหวั ของ
เราเก่ียวกับเพศท่ีสามแล้วก็จะอยู่แต่ในหัวของเราคนเดียว ไม่ถูกสื่อความหมายออกไป ระบบท่ีสอง
ของภาพตัวแทนกค็ อื ภาษา ภาษานนั้ ประกอบดว้ ยสญั ญะต่างๆ ทีถ่ กู จดั ระเบียบในรูปแบบความสัมพนั ธ์
ที่หลากหลาย สัญญะน้ีจะสามารถน�ำพาความหมายได้ เมื่อเราแปลแนวคิดต่างๆ ท่ีอยู่ในหัวเราออกเป็น
ภาษา หรอื ในทางกลับกนั ทำ� การแปลภาษาออกมาเป็นแนวคิดอยใู่ นหวั พวกเรา รหสั เหลา่ น้มี คี วามส�ำคญั
สำ� หรบั ความหมายและภาพตวั แทน ความหมายของสญั ญะนน้ั ไมไ่ ดเ้ ปน็ สง่ิ ทเี่ กดิ ขนึ้ ตามธรรมชาติ แตเ่ ปน็
ขอ้ ตกลงกนั ในสงั คมนน้ั ๆ ทกุ สงั คมจะตอ้ งมกี ารแชรค์ วามหมายของสงิ่ ตา่ งๆ รว่ มกนั (ฮอลลเ์ รยี กวา่ maps
of meaning) ซึ่งผู้คนจะเรียนรู้หรืออาจซึมซับโดยไม่รู้ตัว เป็นการท�ำงานของจิตใต้ส�ำนึก ในฐานะที่เรา
เป็นสมาชิกคนหนึ่งของสังคม เช่น การสื่อความหมายของเพศที่สามให้ออกมาเป็นภาพยนตร์ อาจเป็น
โศกนาฏกรรมของเพศทสี่ าม ใน ฉนั ผชู้ ายนะยะ (2530) เพศทสี่ ามทใ่ี หภ้ าพแบบฮโี ร่ อยา่ งภาพยนตรเ์ รอ่ื ง
สตรีเหล็ก (2543) บวิ ต้ฟี ลู บ๊อกเซอร์ (2546) เพศทีส่ ามทีต่ ลกขบขัน อย่างภาพยนตร์เรือ่ ง หอแตว๋ แตก
(2550)

       อย่างไรก็ดีส่ิงที่น่ากลัวส�ำหรับการประกอบสร้างภาพตัวแทนคือ การสร้างภาพตายตัว (stereo-
typing) ซึ่งเปน็ สง่ิ ท่ีฟูโกตเ์ รยี กวา่ “อ�ำนาจ/ความรู้” ประเภทหนึ่ง กลา่ วคือ ถา้ ภาพตัวแทนนั้นมีลักษณะ
ที่ชัดเจน เรียบง่าย ลดทอนคุณลักษณะอันหลากหลายของมนุษย์ ในขณะเดียวกันก็ขยายคุณลักษณะ
บางอย่างให้มากเกินความเป็นจริง โดยเฉพาะอย่างย่ิงเป็นคุณลักษณะทางลบ ราวกับคุณสมบัติเหล่าน้ัน
เป็นสิ่งที่ติดตัวมนุษย์มาตามธรรมชาติ และพบได้ในทุกที่ เจอในทุกคนท่ีเป็นคนกลุ่มน้ัน แสดงว่าภาพ
ตวั แทนนน้ั เรม่ิ กลายเปน็ “ภาพตายตวั ” และฮอลลไ์ ดอ้ ธบิ ายความหมายของภาพตายตวั จากงานเขยี นของ
ไดเออร์ (Richard Dyer) ในหนังสอื Gays and Film ไว้วา่ เป็นการอธบิ ายบคุ ลกิ ลกั ษณะของบุคคลท่ี
ง่าย ชัดเจน สามารถเข้าถึงได้โดยง่ายและเป็นที่จดจ�ำโดยท่ัวไป เป็นการลดทอนทุกสิ่งทุกอย่างเก่ียวกับ
ความเปน็ บคุ คลของบคุ คลนนั้ แลว้ ใสค่ ณุ สมบตั บิ างอยา่ งในตวั บคุ คลนน้ั ใหม้ นั มากจนเกนิ ความจรงิ เขา้ ใจ
ได้โดยง่าย และตรึงคุณสมบัติเหล่าน้ันไว้กับผู้คนอย่างที่ไม่มีวันจะเปล่ียนแปลงไปได้เลย โดยฮอลล์ได้
อธิบายภาพตายตัวว่ามีคุณลักษณะ 3 ประการ ได้แก่ (1) essentializing การมีคุณสมบัติบางอย่างท่ี
ตายตวั เปลยี่ นแปลงไมไ่ ด้ (2) reductionist หมายถงึ การลดทอนความหลากหลายตา่ งๆ ของคณุ ลกั ษณะ
ใหเ้ หลอื เพยี งคณุ ลกั ษณะไมก่ ค่ี ณุ ลกั ษณะ (3) naturalizing หมายถงึ การสอื่ สารทที่ ำ� ใหเ้ ขา้ ใจวา่ คณุ สมบตั ิ
เหลา่ นน้ั (ท่ีไดป้ ระกอบสรา้ งข้ึน) เป็นสงิ่ ท่ีมีมาตามธรรมชาติ

       เหตุใดการศึกษาภาพตายตัวจึงมีความส�ำคัญ การจะตอบค�ำถามเช่นนี้ได้นั้นเราต้องเข้าใจก่อน
ว่าการสร้างภาพตายตัวนั้นน�ำไปสู่อะไร และค�ำถามส�ำคัญในการศึกษาเร่ืองภาพตัวแทนและภาพตายตัว
คือ “ใคร” คือผู้ท่ีมีอ�ำนาจในการประกอบสร้างความหมายของภาพตัวแทน/ภาพตายตัวดังกล่าว ท้ังนี้
สามารถสรปุ ความสำ� คัญของการสรา้ งภาพตายตวั ได้ ดงั นี้
   66   67   68   69   70   71   72   73   74   75   76