Page 16 - ทฤษฎีและการวิจารณ์ภาพยนตร์
P. 16

16

    แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียนหน่วยท่ี 3

วัตถุประสงค์ 	 เพอ่ื ประเมนิ ความรเู้ ดมิ ของนกั ศกึ ษาเกย่ี วกบั เรอื่ ง “ทฤษฎภี าพยนตรแ์ นวรปู แบบนยิ ม 1”
ค�ำแนะน�ำ	 ขอใหน้ ักศึกษาอา่ นคำ� ถามแล้วเขยี นวงกลมล้อมรอบขอ้ คำ� ตอบท่ถี กู ต้องทสี่ ุด

1. 	 ข้อใดคือความหมายของรูปทรงหรือรูปแบบ                   ข. 	ความคลา้ ยและความซำ�้ (similarity and
   (form) ในภาพยนตร์                                           repetition)
   ก. 	การรวมตวั กนั ของฉาก แสง สี เสยี ง และ
       ค�ำพดู                                              ค. 	ความแตกต่างและความหลากหลาย
   ข. 	การรวมตัวกนั ของจงั หวะ ทา่ ทาง คำ� พดู                 (difference and variation)
       เส้น และสี
   ค. 	การรวมตวั ของอารมณร์ กั กลวั เศรา้ และ              ง. 	 การพฒั นา (development)
       สนกุ สนาน                                           จ. 	 ความมีเอกภาพ/ไม่มีเอกภาพ (unity/
   ง. 	 ความสัมพันธ์กันระหว่างรูปลักษณะของ
       วตั ถุกับปริมาตรของวัตถุ                                ununity)
   จ. 	 การจดั องคป์ ระกอบทางศลิ ปะอยา่ งวจิ ติ ร       4. 	 ข้อใดคือแนวความคิดของ เลฟ คูเลอชอฟ
       งดงามเวลามองเห็นภาพ
                                                           นักทฤษฎีภาพยนตรช์ าวรัสเซยี
2. 	 คำ� วา่ โมทฟี (motif) มคี วามหมายตรงกบั ขอ้ ใด        ก. 	นักแสดงภาพยนตร์ต้องฝึกฝนการแสดง
   ก. 	หน้าท่ี (function)
   ข. 	ความคลา้ ยและความซำ�้ (similarity and                   มาเปน็ อยา่ งดี
       repetition)                                         ข. 	แต่ละช็อตของภาพยนตร์มีค่าเท่ากับ
   ค. 	ความแตกต่างและความหลากหลาย
       (difference and variation)                              ประโยคหน่งึ ในภาษาพดู
   ง. 	 การพฒั นา (development)                            ค. 	ความหมายของภาพยนตร์เกิดจากการ
   จ. 	 ความมีเอกภาพ/ไม่มีเอกภาพ (unity/
       ununity)                                                น�ำชอ็ ต 2 ช็อตมาวางเรยี งกนั
                                                           ง. 	 ชอ็ ตแตล่ ะชอ็ ตในภาพยนตรย์ อ่ มมคี วามหมาย
3.	 “รปู แบบและกระบวนการกา้ วไปขา้ งหนา้ ของ
   ภาพยนตร์ จากตอนหน่ึงไปยังอีกตอนหนึ่ง                        สมบูรณ์ในตวั เอง
   ซงึ่ มหี ลายวธิ ี อาจเปน็ การเดนิ ทางจากสถานที่         จ. 	 ภาพยนตร์สามารถลวงหลอกคนดูให้เชื่อ
   แห่งหนึ่งไปยังสถานที่อีกแห่งหน่ึง เม่ือน�ำมา
   เปรยี บเทยี บกนั แลว้ ชว่ ยทำ� ใหเ้ ราเขา้ ใจแบบรปู         และท�ำตามได้
   (pattern) ของภาพยนตรเ์ รอ่ื งนนั้ ได”้ ขอ้ ความ      5. 	 ขอ้ ใด มคี วามหมายตรงกบั แนวคดิ ของ ไอเซน-
   ดงั กลา่ วมคี วามหมายตรงกับข้อใด
   ก. 	หน้าที่ (function)                                  สไตน์ (Sergei Eisenstein) นักทฤษฎีและ
                                                           ผสู้ รา้ งภาพยนตรช์ าวรสั เซยี ซงึ่ เชอ่ื วา่ การตดั ตอ่
                                                           คือการปะทะและเกิดผลขัดแย้งกันในระหว่าง
                                                           ช็อต
                                                           ก. 	SHOT A + SHOT B = AB
                                                           ข. 	SHOT A + SHOT B = A
                                                           ค. 	SHOT A + SHOT B = B
                                                           ง. 	 SHOT A + SHOT B = C
                                                           จ. 	 SHOT A + SHOT B = AC
   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21