Page 67 - เทพนิยายสงเคราะห์เรื่อง เมขลา-รามสูร และพระคเณศ
P. 67
57
เหนอื ยอดเขารัชฏ ก ฏู (เขาไกรลาส), ใหห้ มูอ่ รุ เคนท ร (พญานาค) รักษาพ ระองค์
แล้วดื่มก ินพระโลหิตในแม่นิ้วพระบาท แล้วกระทำด ้วยเทวฤทธิ์ ให้บังเกิดเป็น
กุมารอ งค์หนึ่ง ออกจากอ ุระป ระเทศ มีพระพักตร์หกพระพักตร์ มีกรส ิบส องกร
พระเป็นเจ้าจึงให้นามป รากฏว่า พระข ันธก ุมารเทวโอรส.” พระขันธกุมารอ งค์
นี้ท ี่ภายหลังมีพระเศียรเป็นช ้าง และเปลี่ยนพ ระนามเป็นพระพิฆเนศวร ซึ่งไป
ป ราบช ้างอ สรุ ภ งั คดี ัง่ ไดเ้ ลา่ ม าแ ล้ว. แตเ่รื่องน ี้ ไปแ ยง้ ก ับท ีก่ ล่าวไวใ้นอ กี แ หง่ ใน
เล่มเดียวกัน ซึ่งม ีความว่า “พระอิศวรเป็นเจ้าม ีเทวโองการ ประสาทพ ระพรให้
พระเพลิงกระทำเทวฤ ทธิ์ ให้บ ังเกิดศิวบุตรสองอ งค์. พระเพลิงรับเทวโองการ,
แล้วกระท ำเทวฤ ทธิ์ให้บ ังเกิดเป็นเปลวเพลิง ออกจากช่องพ ระกรรณท ั้งสอง มี
รัศมสีว่างรุ่งเรือง. และก ลางเปลวเพลิงน ั้น เบื้องข วาเกิดเป็นเทวก ุมารอ งคห์ นึ่ง
ม ีพ ระพักตร์เป็นหน้าช ้าง มีพ ระกรสองกร เบื้องขวาทรงต รีศูล เบื้องซ ้ายท รง
ด อกบัว, มีอุรเคนทรเป็นส ังวาล นั่งช าณุมณฑลลอยอยู่ข ้างเบื้องขวา พระเป็น
เจ้าทั้งสามจึ่งให้นามปรากฏชื่อว่า พระศิวบุตรพิฆเนศวร. เบื้องซ้ายเกิดเป็น
เทวก ุมารอ งค์ห นึ่ง มีพ ระพ ักตร์เป็นช ้างส ามพ ระพ ักตร์ มีพ ระกรห กพ ระกร; กร
หนึ่งเกิดเป็นช้างเผือกผ ู้ มีเศียรสามสิบส ามเศียร สี่บ าท ชื่อเอราวัณ, กรหนึ่ง
เกิดเป็นช ้างเผือกผ ู้ มเีศียรสามเศียร สีบ่ าท ชื่อค ิรเิมขละไตรด ายุค, ช้างท ั้งสอง
นี้ คือ เทพยดาน ฤมิตด้วยอ ำนาจเทวฤ ทธิ์ พระเป็นเจ้าประสาทพรไว้ให้ส ำหรับ
เป็นพ าหนะข องส มเด็จอ มริน ทราธิราช, และกรอ ีกสองกรเกิดเป็นช ้างเผือก ซึ่ง
จะอ ุบัติในโลกส ำหรับได้เป็นพาหนะของกษัตริย์ อันม ีอภินิหาร อีกข ้างละส าม
ช้าง คือ เผือกเอก เผือกโท เผือกต รี .................. พระเป็นเจ้าทั้งสามจึ่งให้
นามว่า โกญจน าเนศ วรศิวบุตร.”
พระค เณศในเรือ่ งน กี้ ลายเปน็ โอรสพ ระเพลงิ . (เหน็ จะเปน็ เพราะเหตุ
ที่พระเพลิงเป็นผู้ให้กำเนิดช้างตระกูลอัคนิพงศ์) และยังมีพระโกญจนาเนศวร
แปลกข ึ้นม าอีกอ งค์ แต่เรื่องท ี่เล่าไว้ในตอนนี้เป็นเรื่องว่าด้วยกำเนิดช ้าง. ใน
ฉันท์ดุษฎีสังเวยกล่อมช้าง จึ่งกล่าวชื่อไว้ในตอนไหว้ครูด้วยเสมอจะขาดเสีย
ไม่ได้ เช่น :-