Page 125 - การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
P. 125

การเ​สริมพ​ ลัง​ใน​การ​ส่ง​เสริมสุขภ​ าพแ​ ละ​การป้องกันโ​รค 5-13

2. 	ความเ​ชือ่ ค​ วามส​ ามารถ​แห่งต​ น

       ทฤษฎี​ความ​เชื่อค​ วาม​สามารถแ​ ห่ง​ตน (Self-Efficacy Theory) พัฒนา​ขึ้น​โดย แบนด​ ูรา (Bandura, 1977,
1982) ทีม่​ รี​ ากฐานม​ าจ​ ากท​ ฤษฎกี​ ารเ​รียนร​ ูท้​ างส​ ังคม (Social Learning Theory) ทีม่​ องว​ ่า ปัจจัยส​ ิ่งแ​ วดล้อม ความค​ ิด​
และ​พฤติกรรม​ของ​บุคคล​มี​ความ​สัมพันธ์​ซึ่ง​กัน​และ​กัน และ​ทำให้​บุคคล​เกิด​การ​เรียน​รู้ ซึ่ง​ทฤษฎี​ความ​เชื่อ​ความ
สามารถแ​ ห่งต​ น ให้ค​ วามส​ ำคัญก​ ับก​ ารร​ ับร​ ู้ค​ วามส​ ามารถข​ องบ​ ุคคล เนื่องจากก​ าร​รับร​ ู้ค​ วามส​ ามารถจ​ ะเ​ป็นต​ ัวก​ ำหนด​
ว่า บุคคลจ​ ะใ​ช้ค​ วามพ​ ยายามใ​นก​ ารแ​ สดงพ​ ฤติกรรม และม​ ีค​ วามส​ ามารถท​ ี่จ​ ะเ​อาชนะอ​ ุปสรรคท​ ี่จ​ ะน​ ำไ​ปส​ ู่ค​ วามส​ ำเร็จ​
ของ​การ​แสดง​พฤติกรรม​ดัง​กล่าว​หรือ​ไม่ นอกจาก​ความ​เชื่อ​ความ​สามารถ​แห่ง​ตน​แล้ว ยัง​มี​ปัจจัย​ตัว​ที่​สอง​ที่​มี​ผล​ต่อ​
ความส​ ำเรจ็ ข​ องก​ ารเ​ปลีย่ นแปลงพ​ ฤตกิ รรมข​ องบ​ คุ คลห​ รอื ไ​มค​่ อื ความค​ าดห​ วงั ใ​นผ​ ลลพั ธ์ (Outcome Expectations)
ซึ่งเ​ป็นค​ วามเ​ชื่อ​ของ​บุคคล​ต่อ​ผลลัพธ์​ของก​ ารแ​ สดงพ​ ฤติกรรมด​ ังก​ ล่าวว​ ่า จะ​เกิดผ​ ลต​ าม​ที่​ต้องการ​หรือไ​ม่ โดยค​ วาม​
คาดห​ วัง​ความ​สามารถแ​ ห่งต​ น (Efficacy Expectations) กับค​ วาม​คาด​หวังใ​น​ผลลัพธ์ (Outcome Expectations)
มี​ความ​เชื่อม​โยง​กัน​และ​เป็น​ตัว​กำหนด​ความ​สำเร็จ​ของ​การ​เปลี่ยนแปลง​พฤติกรรม​ของ​บุคคล (Sturt, 1998: 40)
ดังภ​ าพ​ที่ 5.1

บุคคล                        พฤติกรรม                               ผลลัพธ์

         ความค​ าด​หวัง                ความค​ าดห​ วัง​ในผ​ ลลัพธ์
       ความส​ ามารถ​แห่ง​ตน

          ภาพ​ท่ี 5.1  ความ​สัมพันธร​์ ะหวา่ งค​ วามค​ าดห​ วังค​ วาม​สามารถแ​ หง่ ​ตน​และ​ความ​คาด​หวัง​ในผ​ ลลัพธ์

       โดย​สรุป บุคคล​จะเ​ปลี่ยนแปลงพ​ ฤติกรรม เมื่อ​เชื่อ​ว่า การก​ระท​ ำ​ดัง​กล่าว​ก่อใ​ห้เ​กิดผ​ ลลัพธ์​ที่​ต้องการ​และ​มี​
ความเ​ชือ่ ว​ า่ ตนเองส​ ามารถท​ จี่​ ะก​ ระทำพ​ ฤตกิ รรมด​ งั ก​ ลา่ วไ​ดส้​ ำเรจ็ ตวั อย่างเ​ชน่ การท​ บี​่ คุ คลจ​ ะเ​ปลี่ยนแปลงพ​ ฤติกรรม
โดยอ​ อกก​ ำลังก​ ายอ​ ย่างส​ ม่ำเสมอค​ รั้งล​ ะ 30 นาที อย่างน​ ้อย 3 วันต​ ่อส​ ัปดาห์ เพื่อล​ ดค​ วามเ​สี่ยงต​ ่อโ​รคห​ ัวใจแ​ ละห​ ลอด​
เลือด บุคคล​จะ​ต้อง​เชื่อ​ว่า การ​ออก​กำลัง​กาย​อย่าง​สม่ำเสมอ​ช่วย​ให้​น้ำ​หนัก​ตัว​และ​ไข​มัน​ใน​เลือด​ลด​ลง​ได้ ใน​ขณะ​
เดียวกันต​ ้องม​ ีค​ วามเ​ชื่อว​ ่า ตนเองจ​ ะ​สามารถอ​ อกก​ ำลังก​ ายอ​ ย่างส​ ม่ำเสมอ​ได้​สำเร็จ ในท​ าง​ตรงก​ ันข​ ้ามบ​ ุคคลบ​ าง​คน​
อาจม​ ีค​ วามเ​ชื่อจ​ ากป​ ระสบการณ์​เดิม​ว่า พยายาม​ออกก​ ำลัง​กายแ​ ล้วน​ ้ำ​หนัก​ไม่​ได้​ลดอ​ ย่าง​ที่ต​ ้องการ แต่​กลับ​มีอ​ าการ​
ปวด​เมื่อย​ตัว หรือ​เชื่อ​ว่า ตัว​ตนเองไ​ม่มีเ​วลา​ไปอ​ อก​กำลัง​กาย มี​ข้อจ​ ำกัดด​ ้านส​ ุขภาพท​ ำให้อ​ อก​กำลัง​กาย​ไม่​ได้ ซึ่ง​จะ​
ทำให้​บุคคลไ​ม่เ​ปลี่ยนแปลง​พฤติกรรมด​ ังก​ ล่าว ความ​เชื่อใ​น​ความ​สามารถ​แห่งต​ น​จึงเ​ป็นต​ ัว​บ่งช​ ี้ว​ ่า บุคคลจ​ ะ​ใช้​ความ​
พยายาม​ที่​จะ​เปลี่ยนแปลง​พฤติกรรม​มาก​น้อย​เพียง​ใด รวม​ถึง​จะ​สามารถ​ทน​ต่อ​อุปสรรค​ที่​พบ​ใน​การ​เปลี่ยนแปลง​
พฤติกรรมไ​ด้​ยาวนาน​เท่าใด (Bandura, 1982)

       การ​เสริม​พลัง​เน้น​ที่​กระบวนการ​ส่ง​เสริม​และ​สนับสนุน​ให้​บุคคล กลุ่ม และ​ชุมชน มี​ความ​เชื่อ​ใน​ความ
สามารถ​กำหนด​สุขภาพ​ของ​ตนเอง มี​ความ​สอดคล้อง​กับ​ทฤษฎี​ความ​เชื่อ​ความ​สามารถ​แห่ง​ตน ดัง​นั้น การ​ที่​บุคคล​
จะ​มี​พฤติกรรม​ส่ง​เสริมสุข​ภาพ​และ​ป้องกัน​โรค​ตาม​ทฤษฎี​ความ​เชื่อ​ความ​สามารถ จะ​ต้อง​จัด​กิจกรรม​การ​เรียน​รู้​รวม​
ทั้ง​จัด​ปัจจัย​สนับสนุน​ให้​บุคคล​มี​ความ​เชื่อ​ผลลัพธ์​ของ​พฤติกรรม​สุขภาพ รวม​ทั้ง​เพิ่ม​ความ​เชื่อ​ใน​ความ​สามารถ​ที่​จะ​
แสดง​พฤติกรรม​สุขภาพไ​ด้ส​ ำเร็จเ​พื่อใ​ห้เ​กิด​ผลลัพธ์ท​ ี่ต​ ้องการ โดยต​ าม​แนวคิดข​ องแ​ บน​ดูรา การ​พัฒนาค​ วามเ​ชื่อใ​น​
ความส​ ามารถ​แห่ง​ตน สามารถก​ ระทำไ​ด้​โดย​กิจกรรม​ต่อ​ไป​นี้

       ลิขสิทธ์ขิ องมหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
   120   121   122   123   124   125   126   127   128   129   130