Page 23 - การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
P. 23

แนวคิด หลักการและกลวิธิีของการป้องกันโรค 2-21
       ต่อ​มา​แนวคิด​สาเหตุ​เฉพาะ​ของ​การ​เกิด​โรค (Specific-Cause Model) ของ​ทฤษฎี​เชื้อ​โรค​ของ​โรค​มี​ความ​
สำคัญ​ลด​ลง แนวคิด​แบบ​โยงใย​ของ​สาเหตุ​การ​เกิด​โรค (Web of Causation) ซึ่ง​เป็น​สาเหตุ​หลาก​หลาย​ของ​ปัญหา​
สาธารณสุข ได้​รับ​ความ​สนใจ​มาก​ขึ้น โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​ใน​โรค​เรื้อรัง ภาย​หลัง​จาก​การ​เริ่ม​ต้น​เปลี่ยนแปลง​นี้ นัก​
ระบาด​วิทยา​ได้​จัด​ทำ​แบบ​จำลอง​แนวคิด​ที่​เป็น​ระบบ​ใน​การ​สรุป​สาเหตุ​ของ​การ​เกิด​โรค ซึ่ง​เกิด​ขึ้น​ใน​โรค​ที่​มี​หลาย​
สาเหตุ
       ทฤษฎี​กล่อง​ดำ​จึง​ใช้​เป็น​วิธี​การ​เปรียบ​เทียบ​ที่​ใช้​ใน​หลาย​สาขา​วิชา​เพื่อ​พรรณนา​ปรากฏการณ์​ซึ่ง​ไม่​สามารถ​
ตรวจ​สอบ หรือ​วัด​ได้​โดยตรง แต่​ลักษณะ​เฉพาะ​และ​กระบวนการ​ต่างๆ ของ​ปรากฏการณ์​นั้น​ทำให้​เชื่อ​ว่า ที่​เป็น​
เช่น​นั้น เพราะ​อยู่​บน​พื้น​ฐาน​ของ​ข้อมูล​ที่​มี​อยู่ แนวคิด​แบบ​กล่อง​ดำ​เป็นการ​เชื่อม​โยง​การ​ได้​รับ​สัมผัส​สิ่ง​ก่อ​โรค​กับ
​ผลลัพธ์​ทาง​สุขภาพ​โดย​ขึ้น​อยู่​กับ​ความ​น่า​จะ​เป็น​ของ​ความ​สัมพันธ์ ทั้งนี้ โดย​ไม่​จำเป็น ต้อง​อธิบาย​ความ​เกี่ยว​โยง​
กัน แนวคิด​แบบ​กล่อง​ดำ​ทำให้​เกิด​วิทยาการ​ระบาด​แบบ​ปัจจัย​เสี่ยง​และ​ยัง​ทำให้​เกิด​การ​วิจัย​ทาง​วิทยาการ​ระบาด​
แบบป​ ัจจัยเ​สี่ยงน​ ับ​ตั้งแต่​ตอน​สิ้นส​ ุด​สงครามโลก​ครั้งท​ ี่ 2 จนถึงป​ ัจจุบัน
       1.4 		ทฤษฎีก​ ลอ่ ง​ชาวจ​ ีน (Chinese Box Theory) เกิด​ขึ้นจ​ าก​ความแ​ ตกต​ ่างร​ ะหว่าง​ความค​ ิดเ​กี่ยว​กับค​ วาม​
เป็น​สากล​ของ​สิ่ง​ต่างๆ (Universalism) ของ​วิทยาศาสตร์​ทาง​กายภาพ และ​แนวคิด​เกี่ยว​กับ​ความ​สัมพันธ์​ระหว่าง​
สิ่ง​มี​ชีวิต ถิ่น​ที่​อยู่ และ​สภาพ​แวดล้อม (Ecologism) ของ​วิทยาศาสตร์ชีวภาพ ทฤษฎี​นี้​ทำให้​วิทยาการ​ระบาด​มี​
แนวคิด​เกี่ยว​กับค​ วามส​ ัมพันธ์ร​ ะหว่างส​ ิ่ง​มีช​ ีวิต ถิ่น​ที่​อยู่ และส​ ภาพ​แวดล้อม ด้วย​การ​จำกัด​ประเด็นส​ ำหรับก​ าร​ออก
แบบ​งานว​ ิจัย​ทางว​ ิทยาการ​ระบาด​ที่​มุ่งไ​ป​ที่​ปัจจัย​เสี่ยง​ต่างๆ ที่​ระดับบ​ ุคคล​ภายในป​ ระชากรก​ ลุ่ม​ต่างๆ แต่จ​ ำเป็นต​ ้อง​
ให้​ความ​สำคัญ​อย่าง​เท่า​เทียม​กัน​ระหว่าง​สาเหตุ​และ​ผลก​ระ​ทบ​ที่​ระดับ​สังคม​ของ​ประชากร​ต่างๆ และ​การ​เกิด​พยาธิ​
สภาพข​ องโ​รค และ​ความส​ ัมพันธ์​ระหว่าง​สาเหตุ​และก​ ารเ​กิดโ​รค​ที่​ระดับโ​มเลกุล
       ทฤษฎี​นี้​ต้อง​อาศัย​การ​พิจารณา​ความ​สัมพันธ์​เชิง​สาเหตุ​และ​การ​วิเคราะห์ โรค​ที่​ระดับ​ต่างๆ กัน ที่​ระดับ
​โมเลกุล ต้องการ​ความ​ถูก​ต้อง​แม่นยำ​ของ​สาร​ชีว​โมเลกุลเ​พื่อ​จำแนก​วิธี​การ​และร​ ะยะ​เวลา​ของก​ าร​ติดต่อ​ของโ​รคแ​ ละ​
เพื่อ​ค้นหาว​ ิถี​ทางห​ ยุด/ขัดข​ วางโ​รค
       ที่​ระดับ​บุคคล พฤติกรรม​ทาง​สังคม​ที่​เฉพาะ​เจาะจง​ของ​บุคคล​ช่วย​ทำให้​เกิด​รูป​แบ​บอื่นๆ ของ​การ​ติดต่อ​
ทางเ​พศ​ของโ​รค​เกี่ยวก​ ับไ​วรัส
       ที่​ระดับ​ประชากร การ​เคลื่อนไหว​ตลอด​เวลา​ของ​โรค​ระบาด​ถูก​ควบคุม​โดย​ความ​ชุก​ของ​การ​ติด​เชื้อ​และ​โดย​
ลักษณะ​เฉ​พาะ​อื่นๆ ของ​ประชากร เช่น แบบแผน​ของ​ความ​สัมพันธ์​ทาง​เพศ ความ​ชุก​ของ​โรค​ติดต่อ​ทาง​เพ​ศอื่นๆ
และป​ ัจจัย​ทางโ​ภชนาการ เช่น ระดับ​วิตามิน​เอใ​นม​ ารดา เป็นต้น
       ที่​ระดับโ​ลก ความ​เชื่อม​โยงก​ ัน​ระหว่างส​ ังคม​ของ​ประชากรต​ ่างๆ เป็น​ตัวจ​ ำแนก​เส้น​ทางข​ อง​การต​ ิดเ​ชื้อ
       ใน​การ​ดำเนิน​งาน​สืบสวน​หา​ข้อ​เท็จ​จริง​จะพิจารณา​องค์​ประกอบ​ของ​เหตุการณ์/ปรากฏการณ์​ต่าง ๆ
(Reductionism) ที่​เกี่ยว​เนื่อง​กับ​การ​กำหนด​ความ​เชื่อม​โยง​ระหว่าง​สิ่ง​หนึ่ง​กับ​สิ่ง​อื่นๆ และ​โดย​เฉพาะ​เจาะจง​
ยิ่ง​ขึ้น​กับ​ความ​สัมพันธ์​เชิง​สาเหตุ​และ​การ​เกิด​โรค การ​ควบคุม​ระบาด​ของ​โรค​ขึ้น​อยู่​กับ​กลวิธี​ที่​มี​การ​วางแผน​ที่​ดี​
ซึ่ง​อาจจ​ ัดการ​ได้ท​ ุกร​ ะดับ
       ความส​ ัมพันธ์ร​ ะหว่าง​สิ่งม​ ีช​ ีวิต ถิ่นท​ ี่อ​ ยู่ และน​ ิเวศวิทยา (Ecologism) ซึ่ง​กล่าวว​ ่า สิ่ง​ก่อ​โรค​และโ​ฮสต์​ต่าง​
อยู่​ในส​ ภาพ​แวดล้อมซ​ ึ่ง​ประกอบด​ ้วย​ระบบ​ที่​ระดับต​ ่างๆ ซึ่ง​แต่ละ​ระดับป​ ระกอบด​ ้วยอ​ งค์ประกอบห​ ลายส​ ่วน ระบบ​
ต่างๆ มี​ปฏิสัมพันธ์​กัน โดย​ระบบ​หนึ่ง​เป็นการ​รวม​กัน​ของ​ปัจจัย​ต่างๆ ที่มา​เชื่อม​โยง​เข้า​ด้วย​กัน​ใน​บาง​รูป​แบบ​ของ
​ความ​สัมพันธ์​ที่​มี​การ​กำหนด​หน้าที่​ไว้​อย่าง​ชัดเจน เมื่อ​กล่าว​ถึง​ระบบ​ทาง​กายวิภาค​และ​ระบบ​ทาง​สรีรวิทยา ซึ่ง​มี​
การ​กำหนดห​ น้าที่​ไว้อ​ ย่างเ​หมาะ​สม กล่าว​คือ ระบบก​ ารไ​หลเ​วียน​โลหิต ระบบ​ประสาท หรือ​ระบบ​สืบพันธุ์​ใน​ร่างกาย​
ของ​มนุษย์ร​ วมเ​ป็น​ระบบห​ นึ่ง​ใน​ตัว​เอง แล้ว​ขยาย​เป็นส​ ังคม​ของ​กลุ่มค​ นท​ ี่ป​ ระกอบ​ด้วย​ระบบท​ ี่ซ​ ับ​ซ้อน​มาก​ยิ่งข​ ึ้น​ของ​
ความเ​กี่ยวข้อง​สัมพันธ์​กัน​ที่ค​ ง​อยู่น​ านแ​ ละ​อย่าง​เป็นร​ ะเบียบ

                              ลิขสิทธข์ิ องมหาวทิ ยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28