Page 24 - การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
P. 24
2-22 การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
ระบบต่างๆ มีความเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน ระบบไม่ได้มีอยู่อย่างโดดเดี่ยว ซึ่งสามารถเปรียบเทียบระบบ
ต่างๆ เหมือนกับกล่องชาวจีน (Chinese Boxes) ซึ่งแต่ละชั้นจะมีสิ่งของประเภทเดียวกันที่มีขนาดเล็กลงลดหลั่น
กันมาเป็นส ่วนประกอบต ่างๆ
ทฤษฎีก ล่องช าวจ ีนอ ธิบายค วามส ัมพันธ์ภ ายในแ ละร ะหว่างโครงสร้างร ่างกายท ี่มีพื้นที่แ น่นอน (Localized)
มีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดทางสังคม ทางชีววิทยา หรือลักษณะรูปร่างทางกาย ภาพ (Topography) วิธีการ
ศึกษาทางวิทยาการระบาดที่เหมาะสมคือ การวิเคราะห์ปัจจัยที่มีอิทธิพลและผลลัพธ์ทางสุขภาพที่ระดับต่างๆ ที่
แตกต่างก ัน การว ิเคราะห์บริบทดังกล่าวต้องใช้ร ะบบข้อมูลข่าวสารแ บบใหม่ท ั้งภายในแ ละระหว่างร ะดับต ่างๆ มาใช้
เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย มีการนำเทคนิคทางชีวภาพมาใช้เพื่อให้การศึกษามีความลึกซึ้ง ซึ่งจำเป็นต้องค้นหาปัจจัย
หรืออิทธิพลภายนอกหรือสถานการณ์อื่นที่ระดับต่างๆ กันซึ่งมีประสิทธิผลมากที่สุด ไม่ว่าระดับบริบทหรือระดับ
โมเลกุล หรือทั้งส องร ะดับ
อย่างไรก็ตาม การเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุและโรคแบบกล่องชาวจีนอาจไม่เหมาะสมใน
ทุกมิติ เพราะในแต่ละชั้นของกล่องนั้น ระดับต่างๆ ที่มีอยู่ในชั้นต่างๆ ไม่ได้มีเพียงขนาด แต่มีความซับซ้อน
มีปฏิสัมพันธ์ที่หลากหลายระหว่างและภายในระดับต่างๆ โดยกล่องชั้นนอกอาจเป็นสภาพแวดล้อมภายนอกที่มี
ผลกระทบต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งในทางกลับกันจะประกอบด้วยสังคมของกลุ่มคนต่างๆ และประชากร บุคคล
แต่ละคน ระบบส รีรวิทยา เนื้อเยื่อแ ละเซลล์ และท้ายท ี่สุดในระดับชีววิทยาโมเลกุล
2. ทฤษฎเี กย่ี วกับพ ฤติกรรมส ขุ ภาพเพื่อก ารป้องกันโรค
เมื่อคนเราทราบถึงการเกิดโรคแล้ว ย่อมมีพฤติกรรมส ุขภาพเพื่อที่นำจะไปสู่การป้องกันโรค ทฤษฎีที่เกี่ยว
ข้องกับพฤติกรรมสุขภาพเพื่อการป้องกันโรคมีหลายทฤษฎีแต่ทฤษฎีที่สำคัญคือ ทฤษฎีแรงจูงใจเพื่อป้องกันโรค
(Protection Motivation Theory) (GotoKnow.org) ซึ่งเกิดขึ้นครั้งแรก ใน พ.ศ. 2518 โดยโรเจอร์ (Roger R.W.
1975) และได้รับการปรับปรุงแ ก้ไขน ำมาใช้ใหม่ในอ ีกค รั้งใน พ.ศ. 2526 (Dunn and Rogers 1986) โดยท ฤษฎีน ี้
เกดิ ข ึน้ จ ากค วามพ ยายามท จี่ ะท ำความเข้าใจในก ฎเกณฑข์ องก ารกร ะต ุ้นใหเ้ กิดค วามก ลวั โดยเนน้ เกี่ยวก บั ก ารประเมิน
การรับรู้ด้านข้อมูลข่าวสารที่เป็นความรู้ หรือประสบการณ์ทางสุขภาพ และการให้ความสำคัญกับสิ่งคุกคาม และ
กระบวนการแก้ปัญหาของบุคคลในสิ่งที่กำลังคุกคามอยู่นั้น การให้ความสำคัญต่อสิ่งที่กำลังคุกคามหมายรวมถึง
การประเมินปัจจัยต่างๆ ที่เป็นผลให้ความน่าจะเป็นของการเพิ่มหรือลดลงของการตอบสนองของบุคคลต่อสิ่งที่
มาคุกคามท างส ุขภาพ
ปัจจัยที่อาจส่งผลเพิ่มหรือลดของการตอบสนองอาจเป็นได้ทั้งปัจจัยภายในหรือภายนอกร่างกายบุคคล
เช่น ความร ุนแรงของโรค หรือส ิ่งท ี่กำลังค ุกคาม (Noxiousness) การรับร ู้โอกาสเสี่ยงต ่อการเป็นโรค หรือสิ่งที่กำลัง
คุกคาม ความค าดห วังในป ระสิทธิผลของก ารต อบส นอง เป็นต้น
จากองค์ประกอบหรือตัวแปรที่ทำให้เกิดความกลัว จะทำให้เกิดสื่อกลางของกระบวนการรับรู้ใน 1) ความ
รุนแรงจนสามารถประเมินความรุนแรงได้ 2) การทนสถานการณ์ และเกิดความคาดหวังในการทนรับสถานการณ์
และ 3) ความสามารถในการตอบสนองการทนรับสถานการณ์ ทั้งหมดนี้ ทำให้เกิดแรงจูงใจเพื่อป้องกันโรค และ
ความตั้งใจท ี่จ ะต อบส นองในท ี่สุด
ต่อมาใน พ.ศ. 2526 ได้มีการเพิ่มตัวองค์ประกอบตัวที่ 4 คือ ความหวังในประสิทธิผลตนเอง (Self
Efficacy) สาระของท ฤษฎีแรงจ ูงใจเพื่อป ้องกันโรค ความร ุนแรงของโรคหรือสิ่งที่กำลังค ุกคาม การร ับร ู้ความร ุนแรง
ของการเป็นโรคจะเกิดขึ้นได้เมื่อใช้สื่อกระตุ้นให้เกิดความกลัวมากกว่าการใช้สื่อกระตุ้นตามปกติ แต่การกระตุ้นให้
กลัวจะต้องอยู่ในร ะดับที่เหมาะสมไม่ค วรสูงม ากเกินไป มิฉะนั้นจะป ิดกั้นการรับร ู้ของบุคคลนั้น การร ับรู้โอกาสเสี่ยง
ลิขสิทธ์ิของมหาวิทยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธริ าช