Page 25 - การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
P. 25
แนวคิด หลักการและกลวิธิีของการป้องกันโรค 2-23
ต่อการเป็นโรค หรือสิ่งที่กำลังคุกคาม จะขึ้นกับการตัดสินใจของแต่ละบุคคลว่า การไม่ปฏิบัติตัวเพื่อหลีกเลี่ยง
อันตรายเฉพาะโรค จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรค ส่วนการจะตัดสินใจได้นั้น ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบอื่นๆ ด้วย
เช่น ความรุนแรงของโรค เป็นต้น ความคาดหวังในประสิทธิผลการตอบสนอง เป็นการเสนอข้อมูลข่าวสารเพื่อลด
ความเสี่ยงต่อการเป็นโรค ถ้าบุคคลได้รับทราบถึงผลที่จะเกิดขึ้นจากปฏิบัติตามคำแนะนำว่า จะลดความรุนแรงของ
การเกิดโรคได้ และเชื่อว่า ถ้าให้การสอนโดยเฉพาะเจาะจงเพื่อให้บุคคลปฏิบัติตามคำแนะนำ จะช่วยส่งเสริมความ
ตั้งใจในก ารจ ะเปลีย่ นพ ฤติกรรมอ ยา่ งจ รงิ จัง ความค าดห วังในป ระสิทธผิ ลต นเอง องคป์ ระกอบน ีเ้ ปน็ อ งคป์ ระกอบห นึง่
ในท ฤษฎีป ระสิทธิผลข องตนเอง (Self Efficacy; Bandura 1986) ซึ่งเชื่อว่า กระบวนการเปลี่ยนแปลงท างจ ิตวิทยา
นั้น ขึ้นอยู่กับความคาดหวังในประสิทธิผลตนเอง ประสิทธิผลของตนเองทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับสูงสุด
และเป็นพื้นฐานที่จ ะทำให้บุคคลปฏิบัติตามโดยแท้จริง แม้บุคคลจะมีความเชื่อสูงว ่า การปฏิบัติตามความแนะนำจะ
ทำให้เกิดอ ันตรายน้อยลง แต่ถ้าข าดความมั่นใจในประสิทธิผลของตนเองในก ารป ฏิบัติ จะไม่สามารถจูงใจให้บุคคล
นั้นกระทำได้ ดังน ั้นก ารเผยแ พร่ข ่าวสารข้อมูลจึงไม่ใช่เพียงข ึ้นอยู่กับความช ัดเจนของสื่อที่จะทำให้บ ุคคลปฏิบัติต าม
เท่านั้น แต่ต้องให้บุคคลเกิดความคาดหวังว่า จะสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนเองได้ด้วย องค์ประกอบ
ตัวนี้จะทำให้เกิดผลกระตุ้นทางด้านบวกกับบุคคล ซึ่งแตกต่างจากองค์ประกอบที่กล่าวมาแล้วข้างต้น 3 ตัวที่เป็น
องค์ประกอบที่กระตุ้นในทางลบในลักษณะคุกคามสุขภาพ การให้ความสำคัญแก่โรค หรือสิ่งที่กำลังคุกคาม จะเริ่ม
จากการประมวลผลลัพธ์ของโรคหรือสิ่งที่กำลังคุกคาม อาจส่งผลเพิ่มหรือลดการปรับพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่
พึงประสงค์ของบุคคล ตัวอย่างเช่น การหยุดสูบบุหรี่ ผู้สูบบุหรี่จะหยุดสูบบุหรี่หรือไม่ขึ้นอยู่กับการได้ประเมินว่า
สิ่งคุกคามเนื่องจากการสูบบุหรี่ ได้แก่ การไอระคายเคืองลำคอ ถ้าปล่อยไว้ความรุนแรงจะมาก และมีอาการอื่นๆ
รวมถึงม ะเร็งในป อด บุคคลต้องร ับรู้ว่า ตนม ีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดอาการดังก ล่าว และจะมีอ าการรุนแรงข ึ้นถ ้าหาก
ไม่หยุดสูบบุหรี่ การขบคิดแก้ไขปัญหาของบุคคล กระบวนการแก้ไขปัญหาเป็นปัจจัยกำหนดว่า จำเป็นหรือไม่ที่
บุคคลนั้นต้องปรับท่าทีการตอบสนอง สิ่งนี้เป็นเรื่องของการรับรู้ผลที่จะได้รับจากการตอบสนอง เพื่อที่จะขจัดสิ่ง
ที่มาคุกคามตนเองอยู่ในขณะนี้ รวมถึงความสามารถของตนเองที่จะสามารถอดทนได้ หรือไม่ต่อ อาการกระวน
กระวายอันเกิดจากความต้องการสูบบุหรี่ เขาจะต้องใช้ความอดทนเพียงใดต่อกระบวนการปรับตัวเพื่อให้ผ่านพ้น
ภาวะวิกฤตของความต้องการสูบบุหรี่ สิ่งเหล่านี้จะถูกนำเปรียบเทียบกับผลที่ได้รับทฤษฎีนี้จึงให้ความสำคัญแก่
กระบวนการขบคิดแก้ปัญหาของบุคคลแต่ละคนซึ่งเชื่อว่า ตนเองสามารถทำสำเร็จได้หรือไม่ บุคคลที่มีความรู้สึก
ว่า ตนเองไม่สามารถทำได้ หรือขาดความรู้สึกมั่นใจว่า ตนเองจะทำสำเร็จมักเกิดจากการรับรู้ว่า มีอุปสรรคต่างๆ
ต่อกระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง ดังนั้นจุดเด่นของทฤษฎีนี้คือ การสร้างแรงจูงใจที่จะให้บุคคล
มีพฤติกรรมป้องกันเกิดขึ้นได้นั้น จะต้องเน้นในเรื่องค่านิยมของสิ่งที่เป็นเป้าหมายสุดท้ายที่พึงประสงค์ การปรับ
เปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากตัวอย่างการลดน้ำหนักโดยวิธีการออกกำลังกาย และควบคุม
การบริโภคอาหาร ถ้าต้องการจูงใจให้ควบคุมการบริโภคอาหาร ทฤษฎีจูงใจเพื่อให้เกิดพฤติกรรมป้องกันจะเป็น
ทฤษฎีที่เหมาะสมกับเรื่องนี้ เนื่องจากทฤษฎีนี้ได้เสนอการสร้างค่านิยมของบุคคลซึ่งต้องการลดน้ำหนัก เช่น
ค่านิยมของการมีรูปร่างบอบบางสวยงาม เป็นต้น ดังนั้น จำเป็นต้องสร้างมาตรวัดค่านิยมทางสุขภาพ ซึ่งสามารถ
ประเมินผลเชิงป ริมาณได้จะเป็นส่วนทำให้ท ฤษฎีนี้สามารถอธิบายพ ฤติกรรมท ี่เกิดขึ้นได้ดี
ความคาดหวังในประสิทธิผลตนเอง และความหวังในประสิทธิผลของการตอบสนอง มีความสัมพันธ์
ระหว่างกันม าก โดยท ั่วๆ ไป การยอมรับและก ารมีความต ั้งใจท ี่จ ะปฏิบัติตามค วามค ำแ นะนำเป็นไปได้สูง เมื่อบุคคล
มองเห็นว่า มีประโยชน์และสามารถปฏิบัติตามได้ ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ ประกอบคือ ถ้าความสามารถที่จะ
ปฏิบัติตามมีสูงและผลดีของการปฏิบัติตามสูงด้วย จะเพิ่มความตั้งใจในการปฏิบัติตามคำแนะนำให้ยิ่งสูงขึ้น แต่
ในกรณีความสามารถในการปฏิบัติตามสูง แต่ผลดีของการปฏิบัติตามคำแนะนำน้อย การตั้งใจที่จะปฏิบัติตามจะ
ลขิ สิทธิ์ของมหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช