Page 22 - การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
P. 22
2-20 การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
(Sites) การทดลองการแพร่เชื้อของจุลินทรีย์เหล่านี้ และการเติบโตของเซลล์บริเวณเนื้อเยื่อที่ผิดปกติของร่างกาย
(Lesion) ซึ่งทำให้ได้คำตอบที่เหมาะสมคือ เพื่อจำกัดการแพร่เชื้อโรคโดยการให้วัคซีน เพื่อแยกผู้ที่ได้รับเชื้อโรค
และในที่สุดเพื่อทำการรักษาด้วยเคมีบำบัดและยาปฏิชีวนะ การวินิจฉัยโรคโดยการตรวจสอบจากห้องปฏิบัติการ
การให้ภูมิคุ้มกันโรค และการรักษาโรคที่มีความถูกต้องกับความก้าวหน้าแบบใหม่ ด้วยเหตุนี้ ทำให้ทฤษฎีมลพิษ
มีความส ำคัญน ้อยล งไปแ ละแทนที่โดยก ารมุ่งประเด็นไปท ี่ก ารค วบคุมส ิ่งท ี่ก ่อให้เกิดการต ิดเชื้อโรค
การอ้างอิงตามกรอบแนวคิดของนักทฤษฎีเชื้อโรคทำให้สามารถค้นพบเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของ
โรคหลายโรค นักทฤษฎีเชื้อโรคบางคนให้เหตุผลว่า การลดลงของโรคติดต่อในประเทศพัฒนาแล้วในตอนต้นของ
ศตวรรษที่ 20 ที่ระดับสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ตามทฤษฎีเชื้อโรค เป็นผลลัพธ์จากนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ (เช่น
การใช้วัคซีนและย าป ฏิชีวนะ เป็นต้น) น้อยม าก แต่เป็นผ ลลัพธ์ส่วนใหญ่มาจ ากโภชนาการ หรือมาตรฐานค วามเป็น
อ ยู่ท ี่ได้ร ับการป รับปรุง ซึ่งม ีบทบาทสำคัญย ิ่งข องก ารพ ัฒนาทางเศรษฐกิจแ ละการเปลี่ยนแปลงท างส ังคม
โจเซฟ โกลด์เบอร์เกอร์ (Joseph Goldberger) ได้เริ่มค้นหาสาเหตุอื่นนอกเหนือไปจากสาเหตุทาง
จุลชีววิทยาของการเกิดโรคในสภาพแวดล้อมโดยการศึกษาที่เกี่ยวกับโรคเพลลากรา (Pellagra) ซึ่งเป็นโรคขาด
ไนอาซิน วิตามินบีคอมเพล็กซ์) จาก ค.ศ.1914 จนถึง ค.ศ.1920 เขาได้ค้นพบว่า การขาดอาหารที่มีคุณค่าทาง
โภชนาการ (Nutritional Deficiency) เป็นสาเหตุหนึ่งของการติดเชื้อ ยิ่งไปกว่านั้น โกลด์เบอร์เกอร์ และเอดการ์
ซิเด็นสตริกเกอร์ (Edgar Sydenstricker) ได้แสดงให้เห็นว่า ความไม่เพียงพอของชนิดของอาหารที่กิน (Dietary
Deficiency) เป็นผลมาจากค วามย ากจนของค นง านทำให้เกิดโรคได้
ในป ระเทศพัฒนาแล้ว เมื่อเชื้อโรคของโรคติดต่อที่ส ำคัญนั้นส่วนใหญ่ดูเหมือนได้ร ับการค้นพบแ ละควบคุม
ได้แ ละโรคติดต่อไม่ส ามารถทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้อีกต่อไป ทฤษฎีเชื้อโรคข องโรคค่อยๆ มีความส ำคัญลดลง
1.3 ทฤษฎีกล่องดำ (Black Box Theory) สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงไปสู่
การเริ่มต้นยุคของโรคเรื้อรัง และทฤษฎีกล่องดำ หลังจากสงครามโลกสิ้นสุดลงใน ค.ศ. 1945 ในประเทศที่พัฒนา
แล้ว การเพิ่มขึ้นของการตายจากโรคเรื้อรังมีมากกว่าการตายจากโรคติดต่อ การเพิ่มขึ้นของโรคเรื้อรังไม่ได้เป็น
เพราะการสูงวัยของประชากรเพียงอย่างเดียว เช่น การพบโรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคหัวใจโคโรนารี มะเร็งของ
ปอดเพิ่มข ึ้นในผู้สูงอายุ เป็นต้น
ในยุคนี้ การเพิ่มการบำบัดด้วยเคมีและยาปฏิชีวนะพร้อมกับวัสดุอุปกรณ์และวิธีการต่างๆ ที่ใช้ใน
การป ฏบิ ตั งิ านท างการแ พทย์ ผลลพั ธท์ างการร กั ษาท ีท่ ำใหห้ ายไดจ้ ากว ธิ กี ารเหลา่ น ีจ้ ะใหห้ ลกั ฐ านท ีช่ ดั เจนว า่ โรคตดิ ต่อ
ที่รุนแรงได้ร ับการก ำจัดล ง
ได้มีความพยายามที่จะเข้าใจและควบคุมการระบาดของโรคเรื้อรังชนิดใหม่ ซึ่งได้รับการขับเคลื่อนจาก
แนวคิดทางสาธารณสุข ปัญหาที่ได้รับเลือกในการสอบสวนโรคคือ โรคเรื้อรังต่างๆ ซึ่งส่วนมากคุกคามสุขภาพของ
สาธารณชนอย่างเห็นได้ชัด และกลุ่มที่ถูกศึกษาคือ กลุ่มที่มีความเสี่ยง นั่นคือ ชายวัยกลางคน นักระบาดวิทยา
ชาวอังกฤษที่สำคัญหลายคน ได้แก่ ริชาร์ด ดอลล์ (Richard Doll) ออสตินแบรดฟอร์ด ฮิลล์ (Austin Bradford
Hill) เจอเรมี มอร์ริส (Jeremy Morris) โทมัส แมกเคียว (Thomas McKeown) เป็นบุคคลที่เป็นแกนนำสำหรับ
การศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่และมะเร็งของปอด และการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจโคโรนารีซึ่งค้นพบว่า
โคเลสเตอรอลในเลือดและการสูบบุหรี่เป็นป ัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจโคโรนารีนั้น
กรอบแนวคิดแบบกล่องด ำแสดงความส ัมพันธ์ร ะหว่างการได้รับสัมผัสก ับผ ลลัพธ์ทางสุขภาพโดยไม่จ ำเป็น
ต้องประมาณผลกระทบของปัจจัยแทรกซ้อน (ระหว่างการได้รับสัมผัสกับผลลัพธ์ทางสุขภาพ) หรือพัฒนาการของ
การเกิดโรค (Pathogenesis) ความซับซ ้อนข องการเกิดโรคเรื้อรังเกิดข ึ้นทีละข ั้นตามลำดับ ลำดับแรกเกี่ยวก ับแบบ
จำลองแ นวคิดแ ละการสรุปลงค วามเห็นการเป็นสาเหตุข องโรค (Causal Inference) ที่มีความเชื่อมโยงกัน และล ำดับ
ต่อม าเกี่ยวก ับการวิเคราะห์ทางสถิติ
ลขิ สิทธิ์ของมหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช