Page 253 - การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
P. 253

การส​ ื่อสารด​ ้าน​สุขภาพ​และ​ความร​ ู้ค​ วาม​สามารถด​ ้าน​สุขภาพ 9-7

       โดยส​ รุป การส​ ื่อสารด​ ้าน​สุขภาพ​เป็นการส​ ื่อสาร​ใน​งาน​ส่ง​เสริมสุข​ภาพโ​ดยว​ ิธี​การเ​ผยแ​ พร่​ข้อมูล​ด้าน​สุขภาพ​
ผ่าน​สื่อ​ต่างๆ เช่น การ​ใช้ส​ ื่อสาร​มวลชน การใ​ช้​สื่อ​ผสมส​ ื่อ​นวัตกรรม การ​จัดก​ ิจกรรม ต่างๆ เป็นต้น เพื่อ​ให้​ประชาชน​
หรือก​ ลุ่มเ​ป้าห​ มายไ​ด้​รับ​รู้​ข้อมูล สนใจ ตระหนัก เกิดจ​ ิตสำนึกใ​น​การป​ ฏิบัติต​ นใ​ห้​เกิดสุขภ​ าพ​ที่ด​ ี รวม​ทั้งส​ ่ง​เสริม​ให​้
บุคคล ชุมชน สังคม ร่วม​คิด ร่วม​สร้าง ร่วม​ทำ ใน​การ​ส่ง​เสริมสุข​ภาพ เพื่อ​ให้​มี​การ​ปรับ​เปลี่ยน​พฤติกรรม​สุขภาพ​
อย่าง​ยั่งยืน

2. 	การส​ ื่อสาร​ดา้ น​สุขภาพ​เป็นก​ ลยทุ ธท​์ ​ส่ี ำคญั ใ​นก​ าร​ให้​สุขศกึ ษาแ​ ละก​ ารส​ ่งเ​สริมสขุ ​ภาพ

       การ​ส่ง​เสริมสุข​ภาพ​ที่​ดี​ใน​ปัจจุบัน​ต้อง​อาศัย​ความ​ร่วม​มือ ร่วม​แรง และ​ร่วมใจ​ของ​ประชาชน​ใน​ชุมชน​อย่าง​
เป็นร​ ูป​ธรรม ตั้งแต่​การ​หา​ปัญหา การ​จัด​ลำดับ​ความส​ ำคัญ​ของป​ ัญหา การ​ตัดสินใ​จ การว​ างแผน และก​ ารด​ ำเนิน​การ​
ใน​การ​แก้ไข​ปัญหา​เพื่อ​ให้​บุคคล​และ​ชุมชน​มี​สุขภาพ​ที่​ดี​กว่า​เดิม ทำให้​บุคคล​และ​ชุมชน​มี​ความ​รู้สึก​เป็น​เจ้าของ เพื่อ
​ยก​ระดับ​การ​ช่วย​เหลือ​ตนเอง ส่ง​เสริม​ให้​ชุมชน​เข้ม​แข็ง ทั้งนี้​บุคคล​และ​ชุมชน​จะ​ต้อง​เข้า​ถึง​ข้อมูล​ข่าวสาร มี​โอกาส
เ​รียนร​ ู้ และม​ แี​ หล่งท​ ุนส​ นับสนุนอ​ ย่างส​ ม่ำเสมอแ​ ละต​ ่อเ​นื่อง โดยเ​ฉพาะก​ ารใ​หข้​ ้อมูลข​ ่าวสารแ​ ละก​ ารศ​ ึกษาด​ ้านส​ ุขภาพ
ซึ่ง​เป็นการพ​ ัฒนา​บุคคล ชุมชน และ​สังคมใ​ห้​มี​สุขภาพ​ที่ด​ ี

       การ​ให้​สุขศึกษา หมาย​ถึง การ​ให้​ข้อมูล​เพื่อ​ให้​เกิด​การ​พัฒนา​ปรับ​เปลี่ยน​หรือ​สร้าง​เสริม​พฤติกรรม​สุขภาพ​
ของ​ประชากร​กลุ่ม​เป้า​หมาย​ให้​มี​พฤติกรรม​ใน​ทาง​ที่​จะ​ก่อ​ให้​เกิดสุข​ภาพ​ดี มี​พฤติกรรม​สุขภาพ​ที่​พึง​ประสงค์
(ประภาเ​พญ็ สวุ รรณ 2536) การส​ ือ่ สารเ​ปน็ ห​ วั ใจส​ ำคญั ใ​นก​ ารใ​หส​้ ขุ ศกึ ษา เพราะก​ ารส​ ือ่ สารน​ ัน้ ไ​มเ​่ พยี งแ​ ตจ​่ ะช​ ว่ ยใ​หเ​้ กดิ ​
ความก​ ระจ่าง​เรื่องข​ องส​ ุขภาพแ​ ละก​ าร​รักษา​พยาบาลเ​ท่านั้น ยังเ​ป็นส​ ิ่ง​กระตุ้น หรือช​ ักจูง​ให้บ​ ุคคล​และช​ ุมชน​ก้าวหน้า
ไปส​ ู่​ระดับส​ ุขภาพท​ ี่​ดีก​ ว่า​อีกด​ ้วย การ​ส่งข​ ่าวสารอ​ ย่าง​ต่อเ​นื่อง​นับว​ ่า เป็นส​ ิ่ง​สำคัญ การส​ ื่อสาร​ไม่​เพียง​แต่ส​ ื่อสาร​ผ่าน​
การ​เขียน​เท่านั้น แต่​เป็นการ​กระทำ​ผ่าน​การ​สนทนา การ​อภิปราย​กลุ่ม วิทยุ​โทรทัศน์ ละคร ภาพยนตร์ ดนตรี วิทยุ​
ชุมชน หรือ​สื่อสาร​ทาง​โลกไ​ซเบอร์ อินเทอร์เน็ต ฯลฯ การ​สื่อสาร​เกิดข​ ึ้น​ทุกหนท​ ุก​แห่ง ทั้งภ​ ายใน​บ้าน โรงเรียน สถาน​
ที่ท​ ำงาน มหาวิทยาลัย สมาคม​ศาสนาแ​ ละ​สถานท​ ี่ท​ ุก​แห่งท​ ี่​ประชาชน​มาพ​ บ​กัน

       จาก​ที่​กล่าว​มา อาจ​สรุป​ได้​ว่า การ​สื่อสาร​ด้าน​สุขภาพ​เป็น​หัวใจ​สำคัญ​ใน​การ​เผย​แพร่​ข้อมูล​ด้าน​สุขภาพ​และ​
พัฒนาการ​งาน​ทาง​ด้าน​สุขภาพ​สู่​ประชาชน ถ้า​ประชาชน​ไม่​สามารถ​เข้า​ถึง​ข้อมูล​หรือ​ได้​รับ​ข้อมูล​สุขภาพ​น้อย​จะ​ทำให้
ไม่​สามารถ​เข้า​ถึง​แหล่ง​ให้​บริการ​ด้าน​สุขภาพ ประชาชน​ขาด​ความ​รู้​ความ​เข้าใจ​เรื่อง​ของ​ภาวะ​สุขภาพ ไม่​เข้าใจ​ใน
​การ​ป้องกัน​โรค ย่อม​ส่ง​ผล​ให้​มี​พฤติกรรม​สุขภาพ​ที่​ไม่​เหมาะ​สม ทำให้​เกิด​ภาวะ​เสี่ยง​ต่อ​การ​เกิด​ปัญหา​สุขภาพ การ​
เลือก​วิธี​การส​ ื่อสาร ผู้ส​ ่งส​ าร​ที่เ​ป็นน​ ักว​ ิชาการ​สาธารณสุข​ต้อง​เลือก​ให้ต​ รงก​ ับ​กลุ่ม​เป้า​หมาย เพื่อ​ให้ป​ ระชาชน​มี​สุขภาพ​
ดี ดังค​ ำข​ องอ​ งค์พ​ ระส​ ัมมา​สัมพ​ ุทธเ​จ้าท​ ี่ว​ ่า “ความ​ไม่มีโ​รคเ​ป็นล​ าภอ​ ันป​ ระเสริฐ” การส​ ื่อสารเ​ปรียบเ​สมือนส​ ะพานท​ ี่น​ ำ​
เอาอ​ งค์​ความร​ ู้​ความส​ ามารถ​ด้าน​สุขภาพไ​ป​สู่​ประชาชน หรือ​กลุ่ม​เป้า​หมายไ​ด้ ซึ่ง​องค์กร​สุขภาพข​ อง​แคนาดา (Health
Canada, 1999) ได้ย​ อมรับว​ ่า ความร​ ู้​ความ​สามารถ​ด้านส​ ุขภาพ (Health Literacy) เป็น​ตัวท​ ำนายส​ ถานะก​ ารม​ ี​งาน​
ทำ การเ​ข้าม​ ีส​ ่วน​ร่วมก​ ัน​ของช​ ุมชน และ​สภาวะส​ ุขภาพ รวม​ทั้ง เป็น​ตัวท​ ำนายค​ วาม​สำเร็จท​ ี่​ดีข​ อง​การ​พัฒนา​ชาติ​ด้วย
ดังน​ ั้น การส​ ื่อสาร​ด้านส​ ุขภาพ​จึงม​ ีค​ วาม​สำคัญส​ ำหรับบ​ ุคคลแ​ ละ​สังคม​เป็น​อย่าง​มาก

3. 	ความ​สำคญั ​ของก​ ารส​ อื่ สารด​ า้ น​สุขภาพใ​น​งานส​ าธาณส​ ขุ

       ปัจจุบันก​ ารส​ ื่อสารด​ ้านส​ ุขภาพม​ ี​ความส​ ำคัญม​ าก​ยิ่ง​ขึ้น เนื่องจากก​ ารส​ ื่อสาร​ที่​ไม่​เข้าใจ​กัน การส​ ื่อสาร​ที่​ผิด​
พลาด เป็น​เรื่อง​ที่​อาจ​ทำให้​เกิด​อันตราย​ต่อ​ชีวิต ปัจจุบัน​มี​การ​ร้อง​เรียน​และ​ฟ้อง​ร้อง​เกิด​ขึ้น​อย่าง​มากมาย เกี่ยว​กับ​
บริการท​ างการแ​ พทย์ นาย​แพทย์ส​ ม​ศักดิ์ โล่ห​ ์​เลขา นายกแ​ พทยสภา กล่าวว​ ่า แต่​เดิม​สถิติก​ าร​ร้องเ​รียนม​ ี​ไม่​มาก​นัก
ในป​ ี 2535-2541 อยู่ท​ ี่ป​ ระมาณ 33-106 ราย แต่ห​ ลังจ​ าก​ปี 2542 มี​การ​ฟ้องร​ ้อง​เพิ่ม​ขึ้น​เรื่อยๆ ต่อ​มาม​ ี​หน่วยง​ านช​ ่วย​

                              ลิขสทิ ธ์ขิ องมหาวทิ ยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช
   248   249   250   251   252   253   254   255   256   257   258