Page 254 - การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
P. 254
9-8 การส่งเสริมสุขภ าพแ ละการป ้องกันโรค
ประสาน และไกล่เกลี่ยท ำให้การฟ ้องร ้องแพทย์ลดล ง ในป ี 2553 ตั้งแต่เดือนม กราคม–กรกฎาคมม ีป ระมาณ 89 ราย
แสดงให้เห็นว่า การสื่อสารสามารถทำให้เกิดความขัดแย้งและสามารถช่วยลดความขัดแย้งระหว่างผู้ป่วยและแพทย์
ได้ อาจส รุปว ่า การสื่อสารด้านส ุขภาพม ีค วามส ำคัญ ดังนี้
3.1 สร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์กับผู้มารับบริการผ่านการสื่อสารที่ถูก
ต้อง น่าพึงพอใจและก่อให้เกิดผลดีกับผู้ที่มารับบริการทั้งทางด้านสุขภาพและการให้บริการ ถ้าการสื่อสารที่ไม่ถูก
ต้อง สื่อความหมายไม่เข้าใจกัน มีปัญหาในการสื่อสารทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างผู้ให้บริการและผู้รับบริการอยู่
เสม อๆ ตัวอย่างเช่น พยาบาลให้ผ ู้ป ่วยเก็บปัสสาวะมาส ่งให้แพทย์ตรวจ ผู้ป่วยไปเก็บอุจจาระมาให้ การร ักษาย ่อมไม่
ประสบผลสำเร็จ เสียเวลา ปัญหาที่ก ล่าวมาเกิดจากความไม่เข้าใจภาษาแ ละข าดก ารส ะท้อนถึงความรู้ค วามเข้าใจข อง
ผู้รับบริการเพื่อใ ห้เข้าใจตรงกัน
3.2 เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการแสวงหา และการให้ข้อมูลทางด้านสุขภาพแก่ประชาชน
การส ื่อสารด ้านส ุขภาพท ำให้แ พทย์ส ามารถร ักษาอ าการไม่ส บายให้ผ ู้รับบ ริการได้ถ ูกต ้องต ัวอย่างเช่น ผู้รับบ ริการบ อก
ว่า ปวดใจ ถ้าแ พทยไ์มใ่ชก้ ารส ื่อสารส องท างถ ามถ ึงค ำว ่า ปวดใจม อี าการอ ย่างไร อาจท ำใหแ้ ปลค วามห มายผ ิดพ ลาดว ่า
เป็นอ าการท างจ ิตใจ แค้นใจ แต่ค วามห มายข องผ ู้รับบ ริการห มายถ ึง มีอ าการเจ็บห น้าอก การร ักษาจ ึงจ ะม ีป ระสิทธิผล
นอกจากน ีแ้ พทยย์ งั ส ามารถแ สดงภ าวะโรค และแ ผนการร กั ษาใหผ้ ู้รับบ ริการไดเ้ห็นจ ากร ะบบค อมพิวเตอรท์ ำใหผ้ ูป้ ว่ ย
เข้าใจแ ผนการร ักษาได้มากข ึ้น
3.3 ทำให้ผ ู้มารับบ ริการด ้านส ุขภาพป ฏิบัติตนตามค ำแนะนำได้ แพทย์ควรใช้ภาษาถิ่นที่ผู้ม าร ับบริการด้าน
สุขภาพเข้าใจได้ง่าย ขนบธรรมเนียมประเพณีของบ ุคคลมีผ ลต ่อภาษาแ ละการปฏิบัติตัว การให้ค ำแ นะนำผ ู้รับบริการ
ต้องเข้าใจภ าษาข องผ ู้รับบ ริการเพื่อให้สามารถสื่อสารเข้าใจก ัน ตัวอย่างเช่น การเย็บแ ผลถ้าผู้รับบริการพ ูดว่า อย่าท ำ
ค้อย อาจท ำให้แ พทย์ผ ู้ท ำแ ผลค ิดว ่า ทำเบาไปจ ึงพ ยายามท ำแ รงข ึ้นผ ู้รับบ ริการอ าจร ู้สึกโกรธว ่า แพทย์ห รือผ ู้ให้บ ริการ
แกล้งก็ได้ เพราะการสื่อสารท ี่ผ ิดพ ลาดท างด ้านความห มายข องค ำ
3.4 ทำใหก้ ารเผยแ พรแ่ ละร ณรงคง์ านส าธารณสขุ ส ูส่ าธารณชนไดเ้ ร็วแ ละค รอบคลุม เนื่องจากก ารพ ัฒนาการ
ของการสื่อสารทำให้บุคลากรทางด้านสาธารฌสุขมีวิธีการสื่อสารในการเผยแพร่ข้อมูลได้หลายช่องทางและสามารถ
เลือกใช้สื่อให้เข้าถึงในแต่ละกลุ่มเป้าหมายแ ละป ระชาชนในวงก ว้าง เช่น การร ณรงค์ให้ส วมหมวกก ันน็อคในการข ับขี่
รถมอเตอร์ไซค์ให้ร ับรู้ก ันไปในวงก ว้างได้ เป็นต้น
3.5 เผยแพร่งานสาธารณสุขสู่สาธารณะเพื่อป้องกันภาวะเสี่ยงทางสุขภาพของชุมชนและประชากร (Risk
Communication) เนื่องจากประชากรในป ระเทศป ระกอบด้วยบ ุคคลหลายช ่วงวัยหลายแ หล่ง การส ื่อสารในป ัจจุบัน
ทำให้การให้ข้อมูลทางด้านสุขภาพเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ครอบคลุมมากขึ้น เช่น ในการสื่อสารกับกลุ่มวัยรุ่นอาจให้
ข้อมูลผ ่านทางอ ินเทอร์เน็ต หรือผ่านท างรายการวิทยุ หรือรายการโทรทัศน์ท ี่กลุ่มวัยร ุ่นชื่นชอบ เป็นต้น
3.6 ทำหน้าที่ในก ารสื่อสารแ ละจ ัดการภ าพลักษณ์ด้านสุขภาพในสื่อและในวัฒธ รรมได้
3.7 ให้การศึกษาแก่ประชาชนและผู้บริโภคได้ทราบถึงวิธีใช้ระบบบริการสาธารณสุขและการเข้าถึงระบบ
การรักษาสุขภาพ
3.8 ร่วมในการพัฒนาการให้บ ริการสาธารณสุขแ ละแ พทย์ท างไกล
สรุป การสื่อสารด ้านสุขภาพมีค วามสำคัญแ ละเกี่ยวข้องกับก ารดำเนินชีวิตของมนุษย์ในท ุกๆ ด้าน ดังกล่าว
มาแล้ว ในการที่จะให้สุขศึกษาและการส่งเสริมสุขภาพ เพื่อให้บุคคลเกิดการปรับเปลี่ยนเกิดพฤติกรรมสุขภาพที่
ดีต้องเข้าใจบริบทของคนในแต่ละพื้นที่ที่มีความแตกต่างกัน ดังนั้น การให้ข้อมูล ข้อมูลที่ให้ต้องตรวจสอบความ
ถูกต้อง และประเมินการรับรู้ของบุคลต่อข้อมูลนั้นว่า เป็นเช่นใดก่อน ทั้งนี้เพราะข้อมูลที่นำเสนออาจเกิดผลทั้งทาง
บวกและทางล บต่อสุขภาพได้
ลขิ สิทธิข์ องมหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช