Page 272 - การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค
P. 272
9-26 การส ่งเสริมสุขภ าพแ ละก ารป้องกันโรค
ความร ูถ้ งึ อ ำนาจห นา้ ที่ ความร ับผ ิดช อบข องแ ตล่ ะฝ ่ายท ีเ่กี่ยวข้อง เนื่องจากว ิธกี ารส ื่อสารด ้านส ุขภาพผ สู้ ่งส ารส ว่ นใหญ่
ขาดค วามร ู้ค วามส ามารถในก ารส ื่อสาร ข้อมูลท ี่เผยแ พร่ เป็นข ้อมูลท ี่ส ื่ออ อกไปแ ล้วข าดค วามม ีช ีวิตช ีวา สื่อมวลชนย ัง
ไม่เปิดพ ื้นที่สุขภาพ รายการเกี่ยวก ับส ุขภาพในรายการโทรทัศน์ มีน ้อยและอยู่ในเวลาท ี่ไม่ค่อยม ีผู้ช ม มีผ ู้เขียนเรื่อง
สุขภาพน้อย สื่ออ ินเทอร์เน็ตแม้จะม ีห ลากหลายแ ต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถเข้าถึงได้
4.3 สื่อยังไม่สามารถทำหน้าที่ในการโน้มน้าวชักจูง กระตุ้นเตือนให้ผู้รับสารเกิดความรู้ ทัศนคติ และ
การปฏิบัติตนในทางส ร้างเสริมสุขภาพ
4.4 ผู้ที่มีความรู้เรื่องสื่อขาดความรู้เรื่องการส่งเสริมสุขภาพได้ ในขณะที่บุคลากรทางด้านสุขภาพมีความรู้
ในเรื่องก ารใช้ส ื่อน ้อย การให้ข ้อมูลจ ึงไม่น ่าส นใจ ดังน ั้น จึงต้องทำให้ม ีก ารแ ปลงความรู้ (Knowledge Translation)
เชิงว ิชาการที่เข้าใจย าก ให้เป็นความรู้ท ี่เข้าใจง ่ายแ ละสื่อให้ประชาชนส ามารถน ำไปใช้ได้ทันที
4.5 การส ือ่ สารด า้ นส ขุ ภาพข องป ระเทศไทยในอ ดตี น ำเอาผ ลง านว จิ ยั เกีย่ วก บั ก ารส ือ่ สารด า้ นส ขุ ภาพแ ละแ นว
คิดท างท ฤษฏีข องต ่างป ระเทศม าใช้ในก ารให้ข ้อมูลท ำให้ก ารส ื่อสารด ้านส ุขภาพในป ระเทศไทยไม่ป ระสบผ ลส ำเร็จเท่า
ที่ควร
4.6 สังคมไทยเป็นส ังคมที่เชื่อผู้ม ีค วามรู้ จากค ำพ ูดท ี่ว่า "คุณห มอรู้ด ี" ดังนั้น ความร ู้ที่มาจากแ พทย์ หรือ
บุคคลที่มีชื่อเสียง จึงจะได้รับการยอมรับว่า ถูกต้อง เหมาะสมโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ในบางครั้งอาจทำให้ความรู้ที่อยู่
ตรงข้าม หรือไม่สอดคล้องกับความรู้ของแพทย์ บุคคลที่มีชื่อเสียง กลายเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง นอกจากความรู้นั้นจะ
ได้ร ับก ารพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติให้เห็นจ ริง ซึ่งท ำให้ก ารพ ัฒนาความร ู้เรื่องการสื่อสารเพื่อสุขภาพจากค นกลุ่มอื่นๆ ไม่
สามารถนำเสนอในเวทีความร ู้เรื่องสุขภาพของส ังคมไทยได้
4.7 ผู้รับสาร/ข้อมูลขาดความรู้ความสามารถทางด้านภาษาสุขภาพ อ่านหนังสือไม่ออกหรือไม่สามารถพูด
โต้ตอบได้ ตัวอย่างเช่น จากการศึกษาของ ดร.จิตประภา ศรีอ่อน โครงการวิจัยเรื่องการรับรู้ด้านสุขภาพของกลุ่ม
ผู้พิการทางการได้ยิน กรณีศึกษาสถานศึกษาสำหรับผู้พิการทางการได้ยิน (โรงเรียนโสตศึกษา) พบว่า นักเรียนที่มี
ปัญหา ด้านการอ่านและการเขียน ตลอดจนการรับข้อมูลจากผู้สื่อสารได้ไม่ครอบคลุมเนื่องจากผู้ให้ข้อมูลมีความ
สามารถทางภาษามือต ่ำบ ุคคลเหล่านี้ม ีปัญหาสุขภาพมาก
4.8 การให้ข้อมูลข องส ื่อขาดความมีชีวิตชีวา (Message Vividness) เนื้อหาม ีค วามเป็นวิชาการม ากเกินไป
ทำให้ประชาชนข าดความสนใจ
4.9 ผูส้ ่งส ารไม่มคี วามร ูเ้รื่องส ุขภ าพจ ริงๆ ทำใหผ้ ู้รับส ารไมส่ ามารถใหค้ วามร ูแ้ ละท ำใหผ้ ู้รับส ารเปลี่ยนแปลง
ทัศนคติห รือป รับเปลี่ยนแปลงพ ฤติกรรมท างสุขภาพได้ซึ่งส อดคล้องก ับการศ ึกษาว ิจัยของบุญเรือง เนียมห อม และ
คณะ (2551) ซึ่งพ บว ่า นกั ส ื่อสารส ุขภาพด า้ นส ือ่ ส ิ่งพ มิ พข์ าดค วามร ูจ้ ริงแ ละป ระสบการณจ์ รงิ เกี่ยวก ับข อ้ มลู ท างส ขุ ภาพ
ไม่สามารถถ ่ายทอดเนื้อหาให้ผ ู้อ ่านเกิดความเข้าใจได้
4.10 พัฒนาของสื่อและความซับซ้อนของสังคม ถ้าหากประชาชนขาดสติปัญญา ขาดความคิดวิเคราะห์
อาจตกเป็นเหยื่อของสื่อได้ง่าย ตัวอย่างเช่น งานวิจัยชี้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ส่งถึงผู้บริโภคในปัจจุบัน
มีค วามคลาดเคลื่อนและก่อให้เกิดความเข้าใจผิดห ลายประการ ดร.นายแพทย์ยศ ตีระวัฒนานนท์ หัวหน้าโครงการ
ประเมินเทคโนโลยีแ ละนโยบายด ้านสุขภาพ (Health Intervention and Technology Assessment Program;
HITAP) กล่าวว ่า ปัจจุบันม ีการใช้สื่อห ลากหลายช่องท าง เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุ โทรทัศน์ และสื่อกิจกรรม
เพื่อเผยแ พร่ข ้อมูลเกี่ยวก ับผ ลิตภัณฑ์ย าอ ันตราย วัคซีน และเครื่องม ือแ พทย์ บางช นิดไปย ังป ระชาชนโดยตรง ทั้งๆ ที่
กฎหมายไม่ได้รับอนุญาต งานว ิจัยช ี้ข้อมูลเกี่ยวก ับผ ลิตภัณฑ์ส ุขภาพท ี่ส่งถ ึงผู้บริโภคในปัจจุบันมีค วามคลาดเคลื่อน
และก อ่ ใหเ้ กดิ ค วามเขา้ ใจผ ดิ ห ลายป ระการ กลไกก ารค ุม้ ครองผ บู้ รโิ ภคในก รณขี องก ารส ือ่ สารห รอื ป ระชาสมั พนั ธส์ นิ คา้
สุขภาพย ังม ขี ้อบ กพร่อง หากไม่ได้ร ับก ารแ ก้ไขจ ากผ ูเ้กี่ยวข้องอ าจท ำใหเ้กิดผ ลเสียอ ย่างก ว้างข วาง โดยเฉพาะอ ย่างย ิ่ง
ลิขสิทธ์ิของมหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช