Page 229 - อาหารและโภชนบำบัด
P. 229
อาหารก ับโรคมะเร็ง 13-33
เร่อื งท่ี 13.3.3
การจดั การอ าหารสำหรับผปู้ ่วยโรคมะเร็ง
ภาวะโภชนาการที่ดีจะส่งผลให้การรักษาโรคมะเร็งนั้นได้ผลดี และลดผลแทรกซ้อนจากการรักษาโรค และ
ยังช ่วยท ำให้ม ีผ ู้ป ่วยม ีคุณภาพช ีวิตที่ดี ดังน ั้น การด ูแลเรื่องภาวะโภชนาการในผู้ป ่วยโรคม ะเร็งจึงเป็นสิ่งจำเป็นในทุก
ระยะข องก ารด แู ลร ักษาโรคม ะเรง็ ภาว ะท พุ โภชนาการในผ ปู้ ว่ ยโรคม ะเรง็ จ ะแ ตกต า่ งจ ากภ าว ะท ุพโภชนาการจ ากก ารอ ด
อาหารค ือ ภาว ะทุพโภชนาการในผู้ป ่วยโรคมะเร็งส ่วนใหญ่มักจะเป็นการข าดทั้งโปรตีนแ ละพลังงาน นอกจากน ี้แ ล้วผู้
ป่วยก ลุ่มน ี้ม ักม ีภ าวะก ารข าดว ิตามินห รือเกลือแร่ ซึ่งเกิดจ ากก ารร ับป ระทานอ าหารไม่เพียงพอห รือเกิดจ ากข บวนการ
รักษาด ังร ายล ะเอียดท ี่ก ล่าวในเรื่องท ี่ 13.3.2 ดังน ั้น ผู้ป ่วยโรคม ะเร็งจ ึงค วรได้ร ับพ ลังงานแ ละโปรตีนให้เพียงพ อ รวม
ถึงวิตามิน เกลือแร่ และน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน จากการที่โรคมะเร็งทำให้เกิดภาวะการสลายกล้ามเนื้อและเซลล์
ไขม ันมาก ซึ่งเป็นผ ลทำให้ผู้ป ่วยโรคม ะเร็งม ีน้ำหนักต ัวล ดลงอย่างรวดเร็ว พบว่าการให้อาหารท ี่พ ลังงานน้อยกว่า 30
กิโลแ คลอรตี ่อน ้ำห นักต ัวห นึ่งก ิโลกรัมต ่อว ันน ั้น จะไมส่ ามารถค งส ภาพน ้ำห นักต ัวใหค้ งทีไ่วไ้ด้ จึงแ นะนำใหอ้ าหารโดย
ให้ได้พ ลังงานส ูงม ากกว่า 30-35 กิโลแ คลอรีต ่อน้ำหนักตัวหนึ่งก ิโลกรัมต ่อวัน โดยให้อาหารที่มีโปรตีนส ูง มีกรดอะม ิ
โนแ บบก ิ่งม าก และให้ก รดไขม ันก ลุ่มโอเมก้า 3 ชนิดอ ี.พี.เอ ( Eicosapentaenic acid, EPA) ร่วมด ้วย 2-3 กรัมต ่อ
วัน เพื่อช ่วยให้ผ ู้ป ่วยคงน้ำหนักต ัวไว้ได้ในร ะดับป กติ
1. วิธีก ารใหอ้ าหารแ กผ่ ู้ป่วยโรคมะเร็ง
วิธีการให้อาหารแก่ผู้ป่วยมะเร็ง แบ่งเป็น 3 วิธี คือ การให้ทางป าก การให้อาหารทางส ายให้อาหาร และการ
ให้อาหารทางห ลอดเลือดด ำ
1.1 การใหท้ างป าก เป็นว ิธีที่ดี ปลอดภัย และเป็นธรรมชาติ ถ้าผู้ป่วยสามารถก ินได้ การย ่อยและการด ูดซ ึม
อาหารของผู้ป ่วยปกติ ก็ควรให้รับประทานทางทางป าก แต่ถ ้ารับป ระทานได้น้อยกว่าค วามต ้องการในแต่ละว ัน ก็อ าจ
ให้ด ื่มอาหารเสริมทางการแพทย์ร ่วมด้วยได้
1.2 การให้อาหารท างส ายให้อ าหาร จะพ ิจารณาใช้ในกรณีผู้ป่วยไม่สามารถร ับประทานอ าหารได้เอง ซึ่งอ าจ
เกิดจ ากการกลืนลำบาก หรือร ับประทานได้น ้อยกว่าร ้อยละ 50 ของค วามต ้องการในแต่ละว ัน กรณีเช่นนี้ควรใส่สาย
ให้อาหารเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับอาหารให้ได้เพียงพอต่อค วามต้องการในแต่ละวัน สายอาหารที่ใช้บ ่อยม ีอ ยู่ 3 ชนิด
- สายที่ใส่จากจ มูกไปยังกระเพาะอาหาร ( Nasogastric tube )
- สายท ี่เข้ากระเพาะอ าหารโดยตรง (Gastrostomy tube)
- สายที่ใส่เข้าสู่ลำไส้เล็ก (Jejunostomy tube )
การเลือกใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่จำเป็นต้องใช้สายเหล่านี้ ถ้าไม่นานคือน้อยกว่า 2 สัปดาห์ก็อาจใช้
Nasogastric tube แต่ถ้านานเกิน 2 สัปดาห์ ก็ควรใช้เป็น Gastrostomy tube หรือ Jejunostomy tube
1.3 การให้อ าหารทางห ลอดเลือดด ำ กรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถรับอ าหารทางป กติได้เช่น ก่อนผ่าตัด หรือหลัง
ผ่าตัด หรือข ณะให้ยาห รือฉ ายแ สงท ี่ม ีภ าวะล ำไส้อ ักเสบม าก จนไม่สามารถก ินอาหารท างป ากได้ แพทย์ก ็อาจพ ิจารณา
ให้อ าหารทางห ลอดเลือดด ำเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับส ารอ าหารต ่างๆ ครบถ้วน จนกว่าจ ะส ามารถรับอ าหารทางปกติได้
ลขิ สทิ ธิข์ องมหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช