Page 135 - สังคมโลก
P. 135

สงครามกับการเปลี่ยนแปลงในสังคมโลก 7-29

       ในสมัยกลางของยุโรปการสงครามได้พัฒนามากยิ่งขึ้น ทหารมีการสวมชุดเกราะเหล็กที่หนาทั่วทั้งร่างกาย
และมีการใช้อาวุธหนักเพิ่มขึ้น เช่น ทวนยาว เป็นต้น รถม้าศึกที่ไม่คล่องตัวในการเคลื่อนที่เพราะใช้ได้แต่ในยุทธภูมิ
ที่ราบโล่งได้หมดความสำ�คัญลงไป นอกจากนั้นได้มีการพัฒนาการใช้อาวุธยิงเข้ามาแทนที่ อาทิ หน้าไม้ ซึ่งมีแรงยิงที่
รุนแรงกว่าธนู สามารถเจาะทะลุชุดเกราะเหล็กที่หนาได้ อย่างไรก็ตาม อาวุธปืนหรืออาวุธที่ยิงลูกกระสุนด้วยแรงอัด
ดินปืนยังไม่เกิดขึ้นในทวีปยุโรปในยุคกลาง

       เมื่อเมืองที่เข้มแข็งทางทหารสามารถขยายอ�ำ นาจเข้าครอบครองและผนวกเมืองข้างเคียงเข้าไว้ภายใต้การ
ปกครองก็จะเขยิบฐานะขึ้นเป็นอาณาจักร มีกษัตริย์เป็นผู้ปกครอง กองทัพของอาณาจักรย่อมใหญ่ขึ้นและมีการจัดตั้ง
ที่แข็งแกร่งขึ้น ทั้งกำ�ลังคนและอาวุธยุทโธปกรณ์ กองทัพของอาณาจักรมักประกอบไปด้วยทหารหลายเชื้อชาติ ทั้งที่
เป็นทหารของชาติ ทหารเมืองขึ้น และทหารพันธมิตร เมื่อเกิดความขัดแย้งระหว่างอาณาจักร ขนาดและขอบเขตของ
สงครามก็จะขยายตัวมากขึ้นไปด้วย

       ตอ่ มาเมื่ออาณาจักรหนึง่ สามารถขยายอ�ำ นาจเข้าครอบครองอาณาจักรอืน่ ๆ ได้ กเ็ ขยบิ ฐานะขึน้ เปน็ จกั รวรรดิ
มีจักรพรรดิเป็นผู้ปกครองสูงสุด จะเห็นได้ว่ารูปแบบของสงครามในสมัยจักรวรรดิโรมันเมื่อต้นคริสตกาลได้พัฒนา
ขนาดของกองทัพ อาวุธยุทโธปกรณ์ และความรุนแรงในการต่อสู้ไปไกลกว่าในสมัยอาณาจักรอียิปต์โบราณเมื่อ 3,000
ปีก่อนคริสตกาลมาก

       สงครามใหญ่ในรอบ 2000 ปีแห่งยุคอารยธรรมโบราณจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 14 ที่สำ�คัญ41 ได้แก่
       1. 	สงครามระหว่างแคว้นของจีนในช่วงปีที่ 475-221 ก่อนคริสตกาลที่เรียกว่ายุคจ้านกว๋อ ( ) ซึ่งเป็น
ยุคที่อยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์โจว ในยุคนี้จีนแตกแยกออกเป็นก๊กเล็กก๊กน้อยทำ�สงครามกัน โดยมีแคว้น
ใหญ่ๆ อยู่ 7 แคว้นได้แก่ ฉิน จ้าว หัน เว่ย ฉู่ เอี้ยน และฉี เจ้าครองแคว้นทั้งเจ็ดตั้งตนเป็นกษัตริย์และพยายามขยาย
อำ�นาจออกไปยังแคว้นอื่น ในที่สุดกษัตริย์อิ๋งเจิ้ง (嬴政) แห่งแคว้นฉินก็สามารถทำ�สงครามรวบรวมแคว้นต่างๆ มา
อยู่ใต้อำ�นาจได้สำ�เร็จ แล้วสถาปนาจักรวรรดิจีนเป็นปึกแผ่น ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิฉินสื่อหวงตี้ (秦始皇帝)
การสงครามในยุคนี้ประมาณการว่ามีทหารและพลเรือนเสียชีวิตกว่า 10 ล้านคน42
       2. 	สงครามที่พระเจ้าอเล็กซานเดอร์แห่งมาเซโดเนียขยายอำ�นาจยึดครองดินแดนกรีก อียิปต์ เปอร์เซีย
ตะวันออกกลาง และอินเดียตอนบน ในศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล ด้วยกองทหารฟาลังซ์ (Phalanx) ที่มีชื่อเสียง
ซึ่งเป็นกองทหารราบที่ใช้หอกยาว 4-5 เมตรเรียกว่า “ซาริสซา” (Sarissa) และโล่กลมเป็นอาวุธ ยืนประชิดกันเป็นแถว
หน้ากระดาษหลายชั้น และมีอาวุธหนักเป็นเครื่องดีดก้อนหินทำ�ลายกำ�แพงเมือง (Siege engine) จักรวรรดิมาเซโด
เนีย-กรีกของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ถือว่าเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ของชาวตะวันตกในยุคโบราณ
       3. 	สงครามปุนิก (Punic War) 3 ครั้ง ระหว่างปีที่ 264-146 ก่อนคริสตกาล เป็นสงครามที่โรมใช้กองทหาร
ราบหนักที่สวมเกราะเหล็ก มีหอกสั้น 2 เมตรที่เรียกว่า “ปิลุม” (Pilum) และโล่สี่เหลี่ยมใหญ่ที่เรียกว่า “สกูตุม” (Scu-
tum) เป็นอาวุธ พร้อมกับกองทหารม้า ทำ�สงครามกับพวกคาร์เทจ (Carthage) ซึ่งเป็นอาณาจักรในแอฟริกาเหนือ ใน
ขณะเดียวกันโรมก็รุกรานเข้าไปในในดินแดนโกล (Gaule) (ฝรั่งเศสโบราณ) สเปน เยอรมนี และเกาะอังกฤษด้วย มี
การทำ�สงครามขยายอำ�นาจเข้าไปใน กรีซ มาเซโดเนีย และตะวันออกกลาง เป็นการสร้างจักรวรรดิโรมันและสถาปนา
การปกครองเหนือดินแดนโดยรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งมีประชากรกว่า 150 ล้านคน ภายใต้ระบอบการเมืองและ
กฎหมายของโรมที่เรียกว่า Pax Romana หรือ “สันติภาพโรมัน”

	 41 Wright, op.cit. pp. 456-457.	
	 42 “War”, Wikipedia, the Free encyclopedia, op.cit.	

                              ลิขสทิ ธข์ิ องมหาวิทยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช
   130   131   132   133   134   135   136   137   138   139   140