Page 37 - สังคมโลก
P. 37

แนวคิดแ​ ละ​พัฒนาการ​ของร​ ัฐ 3-35

       การเมือง​ที่​เป็น​จริง​ใน​ลักษณะ​นี้​ได้​ให้​มุม​มอง​ต่อ​การเมือง​ว่า การก​ระ​ทำ​ของ​รัฐ​เกิด​ขึ้น​จาก​ผล​ประโยชน์​ของ​
รัฐ​หรือ​ผู้​ปกครอง​ในร​ ัฐ ทั้งส​ ภาพก​ ารไ​ร้​กฎร​ ะเบียบ​ในก​ ารเมือง​ระหว่าง​ประเทศ​ที่​หมายถ​ ึง​ไม่มี​องค์การ​หรือห​ น่วย​งาน​
ที่​ใช้​อำนาจ​บังคับ​ให้​ทุก​รัฐ​ทำ​ตาม​ข้อ​ตกลง​หรือ​ระเบียบ​ร่วม​กัน​ได้ ทำให้​รัฐ​เกิด​ความ​จำเป็น​ที่​จะ​ต้อง​ดำเนิน​นโยบาย​
เพื่อร​ ักษาไ​ว้ซ​ ึ่งผ​ ลป​ ระโยชน์ด​ ังก​ ล่าว โดยก​ ารค​ ำนวณแ​ ละต​ ระหนักใ​นค​ วามไ​ร้ร​ ะเบียบน​ ี้จ​ ะท​ ำให้ร​ ัฐส​ ามารถไ​ด้น​ โยบาย​
ที่​ดี​ที่สุด​ที่​จะต​ อบ​สนอง​ผลป​ ระโยชน์​ของ​รัฐ​นั้นๆ และน​ โยบาย​ที่​ประสบผ​ ล​สำเร็จก​ ็​คือ​นโยบาย​ที่ท​ ำให้​รัฐ​ดำรงอ​ ยู่​รอด​
ต่อ​ไปห​ รือ​ทำให้​รัฐน​ ั้นเ​ข้ม​แข็งข​ ึ้น

       จากน​ ิยามข​ องก​ ารเมืองใ​นล​ ักษณะน​ ีไ้​ดใ้​หค้​ วามส​ ำคัญแ​ กร่​ ัฐใ​นฐ​ านะต​ ัวก​ ระทำ (actor) ซึ่งห​ มายถ​ ึงผ​ ูม้​ บี​ ทบาท​
ใน​การ​ดำเนิน​นโยบาย​ระหว่าง​ประ​เทศ หาก​เปรียบ​เทียบ​การเมือง​ระหว่าง​ประเทศ​เหมือน​กับ​เกม รัฐ​จะ​อยู่​ใน​ฐานะ​
ผู้​เล่น ใน​เกม​ที่​ไม่มี​กรรมการ ผล​ประโยชน์​ของ​รัฐ​เป็น​จุด​มุ่ง​หมาย​หลัก​ที่​จะ​กำหนดการ​กระทำ​ของ​รัฐ ส่วน​วิธี​การ​ที่​
รัฐจ​ ะก​ ระทำ​ขึ้น​กับบ​ ริบทท​ ี่​รัฐน​ ั้นๆ​ เผชิญอ​ ยู่ มุมม​ องใ​นล​ ักษณะน​ ี้ย​ ัง​สามารถ​เห็นไ​ด้อ​ ีกเ​มื่อ อาร์ โอ เคียว​เฮน (R.O.
Keohane) ไดก้​ ล่าวถ​ ึงส​ มมติฐานข​ องแ​ นวคิดส​ ัจนิยม 3 ประการค​ ือ “1. ตัวแ​ สดงใ​นโ​ลกท​ างการเ​มืองค​ ือ สิ่งท​ ีม่​ ขี​ อบเขต​
ใน​การ​จัด​องค์การ​ชัดเจน (ซึ่ง​คือ​นครรัฐ​หรือ​รัฐ​สมัย​ใหม่) 2. การก​ระ​ทำ​ของ​รัฐ​สามารถ​อธิบาย​ได้​ด้วย​เหตุผล และ
3. รัฐ​แสวงหา​อำนาจ​และ​คำนวณ​ผล​ประโยชน์​ใน​แง่​ของ​อำนาจ​ซึ่ง​สัมพันธ์​กับ​ธรรมชาติ​ของ​ระบบ​การเมือง​ระหว่าง​
ประเทศ​ที่​รัฐ​ตนเ​ผชิญ”40

สมมติฐานแ​ ละ​หลกั ​การ​ของแ​ นวคดิ ส​ ัจนยิ ม

       สมมติฐาน​ทั้ง 3 ประการ​ได้​ให้​ภาพ​การเมือง​ระหว่าง​ประเทศ​ใน 3 ด้าน คือ ด้านแรก ตัว​แสดง ด้าน​ที่​สอง
วิธี​การแ​ สดงออกห​ รือ​พฤติกรรม และด​ ้านท​ สี​่ าม บริบทข​ องต​ ัวแ​ สดง ใน​ด้าน​แรก การเ​ป็น​ตัวแ​ สดง​ใน​การเมืองร​ ะหว่าง​
ประเทศ​คือ​ต้อง​เป็นอ​ งค์การ​ที่​มีอ​ ำนาจ​เหนือ​ดิน​แดน ซึ่ง​ใน​กรณีป​ ัจจุบัน​คือ​รัฐ​สมัย​ใหม่ ใน​ด้าน​วิธีก​ าร​แสดงออกห​ รือ​
พฤติกรรม ตัวแ​ สดง​นี้​ไม่​ได้ก​ ระทำต​ าม​เหตุ​บังเอิญห​ รือ​ถูกล​ ิขิต​จากอ​ ำนาจภ​ ายนอก แต่​กระทำอ​ ย่างม​ ี​เหตุผล หมายถ​ ึง
​การก​ระ​ทำ​ที่​ไตร่ตรอง​เพื่อ​ให้​บรรลุ​ผล​ตาม​ที่​ต้องการ (rational) ใน​ด้าน​สุดท้าย บริบท​เป็น​สิ่ง​ที่​กำหนด​ว่า​ตัว​แสดง
เ​หล่า​นี้​จะก​ ำหนด​เป้า​หมาย​และ​ให้เ​หตุผล​อย่างไรเ​พื่อ​ให้​ตนบ​ รรลุ​ถึง​เป้าห​ มายท​ ี่ต​ ้องการ บริบทข​ อง​ตัวแ​ สดงซ​ ึ่ง​เป็นร​ ัฐ​
ย่อมต​ ้อง​เป็นการเ​มืองร​ ะหว่างป​ ระเทศ​ที่​แต่ละร​ ัฐม​ ี​ปฏิสัมพันธ์​ต่อ​กัน

       จาก​มุม​มอง​ต่อ​การเมือง​ที่​เป็น​จริง​ของ​วอลซ์ และ​สมมติฐาน 3 ประการ​ของ​แนวคิด​สัจนิยม​ของ​เคียว​เฮน
จะ​ทำให้​ยิ่ง​เห็น​ภาพ​ของ​แนวคิด​สัจนิยม​ได้​ชัดเจน​ขึ้น​ไป​อีก เมื่อ​ฮันส์ มอร์​เกน​เทา (Hans J. Morgenthau) ได้​ให้​
หลักก​ าร​ของ​แนวคิด​สัจนิยมไ​ว้ 6 ด้านค​ ือ41

       ดา้ นท​ ี่ 1 “(แนวคิด) สัจนิยมท​ างการเ​มืองม​ ีค​ วามเ​ชื่อว​ ่า การเมืองก​ ็เ​หมือนก​ ับส​ ังคมโ​ดยภ​ าพร​ วมท​ ี่ถ​ ูกค​ วบคุม​
ด้วย​กฎ​เกณฑ์​ที่​เป็น​วัตถุวิสัย และ​มี​รากฐาน​จาก​ธรรมชาติ​ของ​มนุษย์”42 ความ​เชื่อ​ว่าการ​เมือง​มี​กฎ​ระเบียบ​ควบคุม​
อยู่​นั้น ทำให้​การเมือง​ไม่ใช่​สิ่ง​ลี้ลับ​ที่​จะ​เข้า​ถึง​ได้​ด้วย​ญาณ​วิเศษ​หรือ​ความ​สามารถ​ส่วน​บุคคล แต่​เป็น​กฎ​เกณฑ์​

         40 R. O. Keohane. International Institutions and State Power, London: Westview Press, 1989, pp. 38-39.
         41 การใ​ห้​ลักษณะ​ของ​แนวคิดส​ ัจนิยมส​ ามารถ​ดูไ​ด้​จาก Christopher Pierson. The Modern State, 2nd ed. London: Routledge,
2004, pp. 132-135. ที่​ได้​ให้​ลักษณะ​ของ​แนวคิด​สัจนิยม​ไว้ 8 ประการ ประกอบ​ด้วย “1. รัฐ​เป็น​ตัว​แสดง​หลัก​ใน​ทางการ​เมือง​ระหว่าง​ประเทศ
2. การก​ระ​ทำ​ของ​รัฐ​ถือว่า​มา​จาก​ตัว​แสดง​ที่​เป็น​เอกภาพ 3. รัฐ​กระทำ​การ​อย่าง​มี​เหตุผล 4. อนาธิปไตย​ใน​ทางการ​เมือง​ระหว่าง​ประเทศ​เป็น
​แรงผ​ ลัก​ดัน​หลักท​ ี่ม​ ี​ผลต​ ่อแ​ รง​จูงใจแ​ ละ​การก​ระ​ทำข​ องร​ ัฐ 5. รัฐ​ใน​สภาพ​อนาธิปไตยจ​ ึงม​ ุ่ง​อยู่​กับ​ประเด็น​เรื่องอ​ ำนาจแ​ ละ​ความม​ ั่นคง 6. ศีลธ​ รรม​
เป็นห​ ลักก​ ารท​ ีม่​ คี​ วามส​ ำคัญแ​ ละไ​ดร้​ ับก​ ารย​ อมรับใ​นก​ ารเมืองร​ ะหว่างป​ ระเทศ 7. รัฐต​ ่างๆ มักจ​ ะม​ แี​ ตค่​ วามข​ ัดแ​ ย้ง แข่งขัน และไ​มร่​ ่วมม​ ือก​ ัน แม้แต​่
ใน​เรื่องผ​ ล​ประโยชน์ร​ ่วมก​ ัน 8. องค์การ​การเมือง​ระหว่าง​ประเทศ​มี​ผลเ​พียงเ​ล็ก​น้อย​ต่อค​ วาม​ร่วมม​ ือ​กัน​ระหว่างร​ ัฐ”
         42 Hans J. Morgenthau, Politics Among Nations, 5th ed. Revised, New York: Alfred, 1978, p. 4. ข้อความ​ใน​วงเล็บ​เป็น​
ของ​ผู้เ​ขียน

                              ลิขสิทธ์ิของมหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช
   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41   42