Page 54 - แนวคิดทางการแนะแนวและทฤษฎีการปรึกษาเชิงจิตวิทยา หน่วยที่ 3
P. 54
3-44 แนวคิดทางการแนะแนวและทฤษฎีการปรึกษาเชิงจิตวิทยา
2. แนวคิดทฤษฎเีก่ยี วกับจ ิตวทิ ยาส งั คม
หากกล่าวถ ึงแ นวคิดท ฤษฎีท างจิตวิทยาส ังคม ผู้ศ ึกษาเกี่ยวกับจ ิตวิทยาส ังคมจำ�เป็นจ ะต้องศึกษา
ถึงทฤษฎีทางจ ิตวิทยาสังคมที่สำ�คัญๆ ซึ่งจ ุฑาร ัตน์ เอื้ออ ำ�นวย (2551: 31-42) ได้ส รุปถึงทฤษฎีทางจ ิตวิทยา
สังคมไว้ 6 ทฤษฎี คือ 1) ทฤษฎีก ารเรียนร ู้ 2) ทฤษฎีก ารรับร ู้ 3) ทฤษฎีแ รงจูงใจ 4) ทฤษฎีก ารต ัดสินใจ
5) ทฤษฎีการแ ลกเปลี่ยนท างส ังคม และ 6) ทฤษฎีบทบาท โดยม ีส าระส ำ�คัญ ดังนี้
2.1 ทฤษฎีก ารเรยี นรู้ (Learning Theories) ทฤษฎกี ารเรียนร ูเ้ป็นท ฤษฎที ีม่ บี ทบาทส ำ�คัญส ำ�หรับ
วิชาการจิตวิทยามาเป็นเวลาน านห ลักการสำ�คัญข องทฤษฎีน ี้ค ือ การให้ค วามส ำ�คัญก ับพฤติกรรมของบ ุคคล
ซึ่งเกิดจากการเรียนรู้ พฤติกรรมปัจจุบันเกิดจากการเรียนรู้ประสบการณ์ในอดีต และในสถานการณ์
แต่ละเรื่อง บุคคลจะได้เรียนรู้พฤติกรรมหนึ่งพฤติกรรมใดผ่านเข้ามาซํ้าแล้วซํ้าเล่าซึ่งหล่อหลอมกลายเป็น
อุปนิสัย และแสดงพฤติกรรมเช่นนั้นออกมาในลักษณะเดียวกันจนกลายเป็นความเคยชิน เช่น เมื่อมีคน
ยื่นมือมาให้ เราก็จะจับมือเขย่า เพราะเป็นสิ่งที่เราเคยผ่านการเรียนรู้ที่จะโต้ตอบด้วยการยื่นมือออกไป
เมื่อม ีผู้ยื่นมือม าข อส ัมผัส เมื่อมีใครบ างคนม าพ ูดจาหยาบคายก ับเรา เราอ าจตอบโต้ก ลับไปอ ย่างหยาบคาย
เช่นกัน หรือไม่ก็พยายามทำ�ให้คนอื่นเหมือนเราในเรื่องใดเรื่องหนึ่งขึ้นอยู่กับประสบการณ์เดิมว่าเราเคย
ผ่านก ารเรียนร ู้วิถีท างเช่นใดมาในอ ดีต หลักก ารด ังก ล่าวเป็นห ลักการที่ แบนด ูรา (Albert Bandura, 1977)
และคนอื่นๆ นำ�มาใช้กับพฤติกรรมทางสังคม ซึ่งเรียกว่า ทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม (Social Learning
Theory)
2.2 ทฤษฎกี ารร บั ร ู้ (Cognitive Theories) แนวคิดส ำ�คัญส ำ�หรับท ฤษฎกี ารร บั ร ูค้ ือเชื่อว ่าพ ฤตกิ รรม
มนุษย์ขึ้นก ับว ิธีก ารท ี่เขาร ับร ู้ส ถานการณ์ทางส ังคม โดยบ ุคคลจ ะจ ัดระบบการรับร ู้ ความค ิด ความเชื่อข อง
ตนเองโดยอัตโนมัติเกี่ยวกับสถานการณ์ทั่วไปและสถานการณ์ที่มีความหมาย ไม่ว่าสถานการณ์จะยุ่งเหยิง
แค่ไหนผู้คนจ ะสามารถส ั่งการและจัดร ะบบก ารร ับรู้ ความคิดแ ละความเชื่อข องต นได้ ซึ่งการจัดร ะบบ การ
รับร ู้ และก ารตีความ ความเป็นไปของโลกเหล่านี้ล ้วนม ีน ัยสำ�คัญเป็นผ ลกร ะท บต ่อพฤติกรรมข องบ ุคคลน ั้น
ในส ถานการณ์ต่างๆ
เลวนิ อธิบายก ารร ับร ูต้ ามแ นวคิดข องก ลุ่มเกสต ัลทใ์นเชิงจ ิตวิทยาส ังคมว ่าเป็น “สนามท างจ ติ วทิ ยา
ของบ คุ คล” (Person’s Psychological Field) ซึ่งพ ฤติกรรมข องบ ุคคลน ั้นได้รับผลกระทบจ ากทั้งบ ุคลิกภาพ
ส่วนตัว (เช่น ความสามารถ บุคลิกภาพ พันธุกรรม) และส ังคมแวดล้อมตามที่เขารับรู้
แนวคิดเกี่ยวก ับการรับรู้แตกต ่างจากแ นวคิดเกี่ยวกับก ารเรียนรู้ 2 ประการคือ
1) การรับรู้เน้นท ี่การรับรู้ ณ สถานการณ์ปัจจุบัน มากกว่าการเรียนรู้ท ี่ผ ่านมาในอ ดีต
2) การรับรู้เน้นที่ความสำ�คัญของการรับรู้ส่วนบุคคล หรือกระบวนการแปลความหมาย
สถานการณ์ที่เกิดของแต่ละบุคคลมากกว่า “สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง” ซึ่งมีบุคคลที่สามที่เป็นกลางเห็น
เหตุการณ์แ ละอ ธิบายตามท ี่เกิดขึ้นจ ริง
2.3 ทฤษฎีแรงจูงใจ (Motivational Theories) แนวคิดอีกลักษณะหนึ่งที่จะกล่าวถึงคือแนวคิด
เกี่ยวกับความต้องการและแรงจูงใจของปัจเจกบุคคล ทั้งประสบการณ์ในชีวิตประจำ�วันและงานวิจัยทาง