Page 53 - แนวคิดทางการแนะแนวและทฤษฎีการปรึกษาเชิงจิตวิทยา หน่วยที่ 3
P. 53

จิตวิทยาเ​พื่อ​การแ​ นะแนวแ​ ละ​การ​ปรึกษาเ​ชิงจ​ ิตวิทยา 3-43

ของก​ ลุ่ม (Group Cohesiveness) การ​สื่อข​ ้อความข​ องก​ ลุ่มท​ ั้งภ​ ายในภ​ ายนอก (Group Communication)
และ​พลัง​ของ​กลุ่ม (Group Dynamics)

            ระดับ​ท่ี 3 จติ วทิ ยา​สังคม​กบั ​การ​เปล่ียนแปลง​ระดบั ​สถาบนั การ​รวม​ตัว​ของ​ปัจเจกบุคคล​ก่อ
​ให้​เกิด​กลุ่ม​และ​กลุ่ม​สังคม​ที่​กว้าง​ขวาง​ขึ้น​มา​ซ้อน​กลุ่ม​อีก​ที​หนึ่ง คือ สถาบัน (Institution) สถาบัน​มี​
บทบาท​ในก​ าร​เปลี่ยนแปลงท​ างส​ ังคม 2 ทาง คือ (1) โดยก​ าร​ที่​สถาบันพ​ ยายามท​ ำ�​หน้าที่​ดัดแปลง​พฤติกรรม
(Transforming) ของป​ ัจเจกบุคคลท​ ีไ่​ดก้​ ระทำ�​ผิดต​ ่อร​ ะเบียบข​ องส​ ังคมร​ วม เช่น นักโทษห​ รือผ​ ูว้​ ิกลจริต โดย
“จำ�​คุก” นักโทษ และ “เก็บร​ ักษา” ผูป้​ ่วยว​ ิกลจริต เป็นต้น (2) โดยก​ ารท​ ี่ทางส​ ถาบันใ​นป​ ัจจุบันม​ กี​ ารป​ รับปรุง​
เปลี่ยนแปลง​เกิด​ขึ้น​ภายใน​ระบบ​สถาบัน​เอง เพื่อ​ให้​สอดคล้อง​กับ​ความ​เชื่อ​ของ​สังคม​ที่​เปลี่ยนแปลง​ไป​
เกี่ยว​กับ​อาชญากรรม​และ​ความ​วิกลจริต ด้วย​การ​กำ�หนด​หลัก​เกณฑ์​ที่​แน่นอน และ​จัด​กิจกรรม​ที่​มี​ความ​
หมาย​ต่อ​การ​แก้ไข​ปรับปรุงพ​ ฤติกรรม​มากข​ ึ้น

            ระดบั ท​ ่ี 4 ใชก​้ ารข​ ดั เกลาท​ างส​ งั คมก​ บั ก​ ารเ​ปลยี่ นแปลงท​ างส​ งั คม การเ​ปลี่ยนแปลงท​ างส​ ังคม​
ในม​ ิตนิ​ ี้ หมายถ​ ึง การส​ รา้ งส​ ังคมใ​หมห​่ รอื ส​ งั คมใ​นอ​ ดุ มคติ รักษาแ​ ละค​ วบคุมร​ ะบบส​ งั คมโ​ดยป​ ั้นแ​ ตง่ ค​ ่าน​ ยิ ม​
และค​ วาม​จงรัก​ภักดีข​ องส​ มาชิกใ​หม่ผ​ ่าน​ทางก​ ระบวนการข​ ัดเกลา

       โดย​สรุป การ​เรียน​รู้​จิตวิทยา​สังคม ทำ�ให้​เรา​สามารถ​ดำ�รง​ชีวิต​อยู่​ใน​สังคม​ได้​อย่าง​ปกติ​สุข ทั้งนี้​
เพราะจ​ ิตวิทยาส​ ังคมม​ ุ่งเ​น้นก​ ารศ​ ึกษาถ​ ึงพ​ ฤติกรรมท​ ีม่​ คี​ วามส​ ัพนั​ ธก์​ ันร​ ะหว่างบ​ ุคคลใ​นส​ ังคมเ​ป็นห​ ลัก ทำ�ให​้
บุคคลส​ ามารถเ​ข้าใจพ​ ฤติกรรมข​ องก​ ันแ​ ละก​ ันไ​ด้ด​ ยี​ ิ่งข​ ึ้น ดังท​ ี่ ฮอนแ​ ลนเ​ดอ​ ร์ (Hollander, 1976) ไดก้​ ล่าวถ​ ึง​
ประโยชนข์​ องก​ ารศ​ ึกษาจ​ ิตวิทยาส​ ังคมไ​วอ้​ ย่างน​ ่าฟ​ ัง ซึ่งส​ รุปไ​ดว้​ ่า วิชาจ​ ิตวิทยาส​ ังคมจ​ ะใ​หค้​ ุณค่าห​ รือค​ ่าน​ ิยม​
ที่​เป็​นพื้น​ฐาน (Fundamental Value) ที่จ​ ะ​ทำ�ให้​เข้าใจ​ถึง​หลัก​การ​ดำ�เนินก​ ิจการ​ต่างๆ และค​ วาม​รู้ท​ ั้งห​ ลาย​
เหล่าน​ ี้​สามารถ​ที่​จะน​ ำ�​ไปใ​ช้​ให้เ​กิด​ประโยชน์ไ​ด้​อีกห​ ลาย​ทาง คือ (ถวิล ธาราโ​ภชน์ ม.ป.ป.: 8-9)

       1)	 ทำ�ให้เ​กิดก​ าร​จัดการร​ วมพ​ ลังก​ ันภ​ ายในก​ ลุ่ม​ให้​เป็น​ไป​ในท​ างส​ ร้างสรรค์ย​ ิ่ง​ขึ้น หมาย​ถึง เมื่อเ​รา​
ก่อ​ตั้งก​ ลุ่มข​ ึ้น​มาแ​ ล้ว ทุกค​ นใน​กลุ่มจ​ ะต​ ้องร​ ่วมม​ ือร​ ่วมใจก​ ัน​พัฒนาก​ ลุ่ม ช่วย​กันค​ ิด ช่วย​กัน​แก้ป​ ัญหา​ต่างๆ
เพื่อ​ให้ก​ ลุ่มเ​จริญ​ก้าวหน้าแ​ ละ​รักษา​ความเ​ป็นก​ลุ่ม​ให้​คง​อยู่ต​ ลอดไ​ป

       2)	 ชว่ ยใ​นก​ ารพ​ ฒั นาศ​ กั ยภาพข​ องบ​ คุ คล ทัง้ นเี​้ พราะก​ ารศ​ กึ ษาศ​ าสตรท​์ กุ ศ​ าสตรม​์ ุง่ ส​ ง่ เ​สรมิ ศ​ กั ยภาพ​
ของแ​ ต่ละบ​ ุคคล จิตวิทยาส​ ังคมเ​ป็นศ​ าสตรศ์​ ึกษาเ​กี่ยวก​ ับเ​รื่องข​ องค​ นโ​ดยตรง ทำ�ใหผ้​ ู้ท​ ี่ศ​ ึกษาส​ ามารถน​ ำ�​เอา​
ความร​ ู้เ​หล่า​นั้น​มาใ​ช้ป​ รับปรุง​แก้ไข​ภาวะ​ของส​ ังคมม​ นุษย์ใ​ห้ด​ ี​ยิ่งข​ ึ้น นั่นเ​ท่ากับ​ว่า จิตวิทยา​สังคม​ช่วยพ​ ัฒนา​
สมองห​ รือส​ ติ​ปัญญาข​ อง​มนุษย์​นั่นเอง

       3)	 ช่วยล​ ด​ความเครียดข​ องส​ ังคมท​ ี่เ​รา​ใช้​ชีวิต​อยู่ กล่าวค​ ือ เมื่อ​ศึกษา​จิตวิทยา​สังคม​แล้ว จะท​ ำ�ให​้
เราร​ ู้ถ​ ึงธ​ รรมชาติข​ องค​ นว​ ่าจ​ ะต​ ้องเ​ป็นอ​ ย่างน​ ั้นอ​ ย่างน​ ี้ รู้ว​ ่าบ​ ุคคลย​ ่อมม​ ีค​ วามค​ ิดเ​ห็นแ​ ตกต​ ่างก​ ัน รู้ภ​ าวะข​ อง​
สังคมแ​ ต่ละ​สังคม​ย่อมแ​ ตกต​ ่าง​กัน ฉะนั้น เมื่อเ​รา​ตก​ไปอ​ ยู่ใ​นส​ ถานการณ์ใ​ดส​ ถานการณ์ห​ นึ่ง​ดัง​กล่าว ย่อม​
จะท​ ำ�ให้​เรา​สบายใจย​ ิ่งข​ ึ้น เพราะเ​รา​รู้​และเ​ข้าใจแ​ ล้ว​ว่าธ​ รรมชาติ​ความเ​ป็นจ​ ริง​มันจ​ ะ​ต้อง​เป็นอ​ ย่างน​ ั้น

       4)	 ทำ�ให้​เกิด​การ​แสวงหา​ความ​รู้​รอบ​ที่​สูง​ขึ้น ความ​รู้​รอบ หมาย​ถึง ความ​สามารถ​ที่​จะ​เข้าใจ​หรือ
ร​ ูแ้​ จ้งใ​นส​ ิ่งท​ ีไ่​ดศ้​ ึกษาอ​ ย่างแ​ ท้จริง นั่นค​ ือ เมื่อเ​ราร​ ูส้​ ิ่งใ​ดอ​ ย่างช​ ัดแ​ จ้งแ​ ล้ว เราก​ น็​ ำ�​เอาค​ วามร​ ูท้​ ีม่​ อี​ ยูน่​ ั้นไ​ปค​ ้นหา​
ความร​ ู้​ใหม่ต​ ่อไ​ป ซึ่งค​ วามร​ ู้ใ​หม่ๆ ในส​ ังคมย​ ังม​ ีอ​ ีกม​ ากมายท​ ี่​เราย​ ัง​ค้นไ​ม่​พบ
   48   49   50   51   52   53   54   55   56   57   58