Page 49 - แนวคิดทางการแนะแนวและทฤษฎีการปรึกษาเชิงจิตวิทยา หน่วยที่ 3
P. 49
จิตวิทยาเพื่อการแ นะแนวแ ละก ารป รึกษาเชิงจิตวิทยา 3-39
4) ทฤษฎีการสอนและเทคโนโลยีทางการศึกษา นักจิตวิทยาการศึกษาได้เป็นผู้นำ�ในการบุกเบิก
ตั้งทฤษฎีการส อน ซึ่งมีความส ำ�คัญแ ละมีประโยชน์เท่าเทียมกับทฤษฎีการเรียนรู้แ ละพ ัฒนาการในก ารช่วย
นกั การศ กึ ษาแ ละค รเู กีย่ วก บั ก ารเรยี นก ารส อน ส�ำ หรบั เทคโนโลยใี นก ารส อนท จี่ ะช ว่ ยผ สู้ อนไดม้ ากในป จั จบุ นั
ก็ค ือ คอมพิวเตอร์ช่วยการสอน และก ารเรียนการสอนผ ่านร ะบบเครือข ่าย
5) หลกั ก ารวัดผลและประเมนิ ผลก ารศกึ ษา ความร ู้พื้นฐานเกี่ยวก ับเรื่องนี้จ ะช่วยให้นักการศ ึกษา
และผู้ส อนทราบว่า การเรียนการสอนม ีประสิทธิภาพห รือไม่ หรือผ ู้เรียนบ รรลุส ัมฤท ธิผลต ามวัตถุประสงค์
เฉพาะของแต่ละวิชาหรือไม่ เพราะถ้าผู้เรียนมีสัมฤทธิผลสูง ก็จะเป็นการสะท้อนว่าโปรแกรมการศึกษามี
ประสิทธิภาพ
6) การส รา้ งบ รรยากาศข องห อ้ งเรยี น เพือ่ เอือ้ ก ารเรยี นร แู้ ละช ว่ ยเสรมิ ส รา้ งบ คุ ลกิ ภาพข องน กั เรยี น
3. การป ระยกุ ตใ์ ช้จิตวทิ ยาการศกึ ษาในก ารแ นะแนวและก ารปรึกษาเชิงจติ วิทยา
ในง านแ นะแนวแ ละก ารป รึกษาเชิงจ ิตวิทยาน ั้น ผู้ให้บ ริการส ามารถน ำ�จิตวิทยาก ารศ ึกษาม าใช้ได้ใน
หลากห ลายแ งม่ มุ ทัง้ ในด า้ นก ารส ง่ เสรมิ พ ฒั นาการแ ละศ กั ยภาพด า้ นต า่ งๆ ของผ ูร้ บั บ รกิ าร ตลอดจ นใชใ้ นก าร
ศึกษาถ ึงป ญั หาแ ละแ นวทางก ารแ ก้ไขป ญั หาท เี่ กี่ยวข้องก ับก ารเรยี นร ขู้ องผ เู้รยี น โดยภ าพร วมแ ล้วผ ใู้หบ้ รกิ าร
สามารถประยุกต์ใช้จิตวิทยาก ารศ ึกษาเพื่อป ระโยชน์ในง านแนะแนวแ ละก ารปรึกษาเชิงจิตวิทยา ดังนี้
1) ช่วยให้ผู้ให้บริการรู้จักตัวเองและรู้จักตัวผู้รับบริการดีขึ้น การดำ�เนินการแนะแนวและให้การ
ปรึกษาเชิงจ ิตวิทยา จะด ำ�เนินได้อ ย่างม ีป ระสิทธิภาพก ็ต ่อเมื่อผ ู้ให้บ ริการต ้องร ู้จักผ ู้รับบ ริการเสียก ่อน กล่าว
คือจ ิตวิทยาการศึกษาช ่วยให้ผู้ให้บ ริการม ีค วามรู้เกี่ยวกับบ ุคลิกภาพข องผู้รับบริการ ความแตกต ่างระหว่าง
บุคคลในตัวผู้รับบริการ และภายในกลุ่มของผู้รับบริการ ทำ�ให้ผู้ให้บริการมีความเข้าใจในต้นเหตุที่มาของ
การแสดงพฤติกรรม การแก้ไขปรับปรุงพฤติกรรมของผู้รับบริการจึงสามารถกระทำ�ได้ง่ายขึ้น ส่วนความ
เข้าใจที่ถ่องแท้ ซึ่งผู้ให้บริการมีต่อตัวเองนั้นก็เป็นเครื่องกำ�หนดท่าทีและพฤติกรรมของผู้ให้บริการที่มีต่อ
ตัวผู้รับบริการได้ทั้งบวกและทางลบ ทั้งยังมีผลกระทบต่อการสร้างความรู้สึกนึกคิดที่ผู้รับบริการจะมีต่อ
ตัวเองต่อไปอีกด้วย
2) เมื่อผ ูใ้หบ้ ริการม คี วามร ูเ้กี่ยวก ับจ ิตวิทยาก ารเรียนร ู้ และก ารแ กป้ ัญหาต ามข ั้นต อนต ่างๆ ความร ู้
ดังกล่าวจ ะช่วยให้ผู้ให้บริการส ามารถช ่วยผู้รับบริการได้ม ีการพัฒนาท างสติปัญญา และความส ามารถดีข ึ้น
3) ผู้ให้บริการท ี่มีค วามร ู้ในท างจ ิตวิทยาก ารศึกษาค วบคู่กับจ ิตวิทยาส ังคม ซึ่งจ ะท ำ�ให้ผู้ให้บริการ
เข้าใจก ารอ ยู่ร วมก ลุ่มในส ังคมข องผ ู้รับบ ริการ และส ามารถใช้ป ระโยชน์จ ากค วามร ู้ด ังก ล่าวในก ารเสริมส ร้าง
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้รับบริการและผู้ให้บริการ หรือระหว่างผู้รับบริการด้วยกัน และผู้รับบริการกับสิ่งเร้า
อื่นท างส ังคม เพื่อทำ�ให้เกิดบ รรยากาศท ี่สนับสนุนผ ู้รับบริการให้มีแรงเสริมในการเรียนร ู้มากข ึ้นทั้งท างด้าน
วิชาการแ ละทักษะส ังคม
4) ผู้ให้บริการสามารถใช้ความรู้และหลักการทางจิตวิทยาการศึกษามาประยุกต์ใช้ เพื่อเข้าใจ
ความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับตนเอง และของบุคคลอื่นทั้งในด้านทฤษฎี ความรู้สึกการรับรู้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็น
ตัวกำ�หนดสำ�คัญย ิ่งต ่อพ ฤติกรรมของบ ุคคลและก ระบวนการในการให้การป รึกษา