Page 47 - แนวคิดทางการแนะแนวและทฤษฎีการปรึกษาเชิงจิตวิทยา หน่วยที่ 3
P. 47
จิตวิทยาเพื่อการแนะแนวและก ารป รึกษาเชิงจ ิตวิทยา 3-37
3) ศึกษาถึงเชาวน์ปัญญา ความถนัด ความสนใจ ความคิด ภาษา ทักษะ และเจตคติ ซึ่งเป็น
องค์ประกอบสำ�คัญส ำ�หรับก ารเรียนรู้
4) ศึกษาถ ึงบ ุคลิกภาพ การป รับตัว และวิธีการป รับพ ฤติกรรม
5) ศึกษาส ภาพแ วดล้อมทางด ้านการเรียนก ารส อนท ี่ม ีอ ิทธิพลต่อผู้เรียน
กล่าวโดยสรุป จิตวิทยาการศึกษามีขอบข่ายที่กว้างขวางครอบคลุมทุกมิติของการเรียนการสอน
ทั้งในส่วนของผู้สอน ได้แก่ เรื่องของการใช้จิตวิทยาเพื่อการสอน การปรับพฤติกรรม หรือจะเป็นมิติด้าน
ผู้เรียน คือการใช้จิตวิทยาเพื่อศึกษาธรรมชาติของผู้เรียนในแง่มุมต่างๆ เช่น ในเรื่องของเชาวน์ปัญญา
ความถนัด ความส นใจ ความคิด เจตคติ เป็นต้น
จากการประมวลแนวคิดของนักจิตวิทยาการศึกษา สามารถสรุปแนวคิดที่เป็นสาระสำ�คัญของ
จิตวิทยาก ารศ ึกษาได้ ดังนี้ (พรรณี ช.เจนจ ิต 2547: 226-228)
1) จติ วทิ ยาก ารศ กึ ษาจ ะต อ้ งเกย่ี วขอ้ งส มั พนั ธก์ บั ป ญั หาในก ารเรยี นก ารส อน เนือ่ งจากว ตั ถปุ ระสงค์
สำ�คัญประการหนึ่งของจิตวิทยาการศึกษาอยู่ที่การให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการเรียนรู้ของบุคคลและ
จัดรวบรวมความรู้เหล่านี้ให้เป็นระบบจนเกิดทฤษฎีและหลักการต่างๆ ครูและครูผู้ฝึกหัดจะต้องตระหนัก
อย่างแท้จริงว่าหลักการทางจิตวิทยาการศึกษานั้นมีความสัมพันธ์กับการเรียนการสอนในชั้นเรียนของ
ตนอย่างไร การศึกษาหลักการเหล่านั้นจะช่วยให้ครูได้มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตน เพื่อให้เกิด
ประสิทธิภาพในก ารเรียนก ารส อนอ ย่างแท้จริง ความส ำ�คัญเชิงป ฏิบัติในจ ิตวิทยาก ารศ ึกษา จึงถือได้ว่าเป็น
เรื่องสำ�คัญอย่างย ิ่ง
2) จิตวิทยาการศึกษาจะต้องวางอยู่บนรากฐานที่ถูกต้องของการค้นคว้าวิจัย เนื่องจากจิตวิทยา
การศึกษามีความสำ�คัญยิ่งในเชิงป ฏิบัติด ังก ล่าวม าแ ล้ว นักจ ิตวิทยาการศ ึกษาจ ึงต ้องพยายามศึกษาค ้นคว้า
ทดลอง เพื่อให้จิตวิทยาการศึกษาเป็นวิชาที่สามารถปฏิบัติได้จริงก่อนการนำ�ความรู้เรื่องการเรียนรู้มาให้
ครูแ ละผ ู้เกี่ยวข้องก ับการศ ึกษาสามารถนำ�ไปป ระยุกต์ใช้ได้น ั้น นักจิตวิทยาการศ ึกษาจ ะต ้องทำ�การท ดลอง
ค้นคว้าอย่างมากและลึกซึ้งเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นได้ในผลนั้นๆ เสียก่อน ข้อเสนอแนะทั้งในเนื้อหาและ
วธิ กี ารจ ากจ ติ วทิ ยาก ารศ กึ ษาจ ะต อ้ งไมเ่ ลือ่ นลอย หากต อ้ งม าจ ากผ ลข องก ารศ กึ ษาค น้ ควา้ ท เี่ ปน็ ร ะบบร ะเบยี บ
ในเรื่องท ีเ่กี่ยวข้องก ับป ัญหาก ารเรียนก ารส อนอ ย่างแ ท้จริง และท ีส่ ำ�คัญอ ีกอ ย่างห นึ่งก ค็ ือ จิตวิทยาก ารศ ึกษา
ไม่ควรที่จะไม่มีส่วนเสริมวิธีการศึกษาที่ดูเป็นที่นิยมและกล่าวขานกันมากกว่าวิธีการอื่นๆ ที่สอดคล้องกับ
ข ้อป ระจักษ์พยานในปัจจุบัน
3) จิตวิทยาการศึกษาจะต้องมีเนื้อหาสาระซับซ้อนพอสมควรที่จะให้ความยุติธรรมต่อการเข้าใจ
พฤตกิ รรมม นษุ ยไ์ ด้ จากข ้อเท็จจ ริงท ีป่ รากฏ จะท ราบว ่าย ิ่งเราม กี ารเรียนร ูเ้กี่ยวก ับว ิชาจ ิตวิทยาม ากข ึ้นเท่าใด
เรากลับมีความพอใจน้อยลงที่จะให้มีการสรุปอย่างง่ายๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมของบุคคลตลอดจนวิธีการ
ที่จะจ ัดการก ับป ัญหาพ ฤติกรรมข องบ ุคคลต ัวอย่างเช่น ในก ารส รุปว ่า การให้ร างวัลเด็กด ีกว่าก ารล งโทษเด็ก
ผู้เชื่อในการสรุปง่ายๆ เช่นนี้ อาจนำ�หลักการดังกล่าวไปประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นการ
กระทำ�ดังกล่าวอาจเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี ด้วยเหตุที่ผู้ปฏิบัติขาดการคำ�นึงถึงความสลับซับซ้อนในแรง
จูงใจและอิทธิพลของแรงจูงใจต่างๆ ที่มีผลต่อพฤติกรรมของบุคคล การให้รางวัลจะให้ผลดีกว่าหรือไม่
เมื่อเปรียบเทียบก ับก ารลงโทษน ั้นยังจะต ้องพ ิจารณาถึงเงื่อนไขหรือปัจจัยอื่นๆ อีกหลายป ระการ