Page 18 - การเมืองการปกครองไทย หน่วยที่ 5
P. 18
5-8 การเมืองการปกครองไทย
เข้าใจในระดับพ ื้นฐานและระดับท ี่เป็นท ั่วไป (general view) ได้ม าน ำ�เสนอ ทั้งส องค นให้แ นวคิดเกี่ยวก ับ
ระบบ ว่าเป็นแนวคิดเชิงนิเวศ (ecological concept) หรือม ีนัยสำ�คัญว่าองค์กรมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพ
แวดล้อม หรือร ะบบม ีอ ิทธิพลต ่อ และได้ร ับอ ิทธิพล (influenced) จากสภาพแ วดล้อม และส ่วนต ่างๆ ภายใน
ระบบก ็ม ีป ฏิสัมพันธ์ร ะหว่างก ัน ระบบก ารเมืองเป็นส ่วนห นึ่งข องส ังคมท ี่ก ่อเกิดข ึ้น เพื่อจ ัดท ำ�และด ำ�เนินก าร
ไปส ู่เป้าห มายร ่วมกัน (collective goals) ของสังคมโดยมีสภาพบ ังคับหรือระเบียบ (coercion) ให้ค นต้อง
ปฏิบัตติ าม หรือย อมรับอ ย่างช อบธ รรม (legitimate) ดังน ั้น นโยบายต ่างๆ (policies) ทีร่ ะบบก ารเมืองจ ัดท ำ�
ขึ้นจ ึงมีความชอบธรรมด้วยป ัจจัยสนับสนุนจากส ภาพบังคับหรือร ะเบียบและการกดดันให้เกิดการย อมรับ
เป้าหมายร่วมกันของสังคม มีขอบเขตค่อนข้างกว้าง ระบบการเมืองจึงทำ�หน้าที่เกี่ยวข้องกับชีวิต
ของท ุกคนในสังคมและส ังคมทั้งหมด รวมท ั้งการม ีปฏิสัมพันธ์ก ับสังคม อื่นๆ หรือเกี่ยวข้องก ับว ิถีชีวิตข อง
คนตั้งแต่เกิดจนตาย ระบบการเมืองทำ�หน้าที่หลากหลายและซับซ้อนต่างๆ ได้ ต้องมีสถาบันต่างๆ หรือ
แอลมอนด์กับเพาเวลล์ ให้ค วามห มายว ่า เป็นส ิ่งเดียวก ับโครงสร้าง ทำ�หน้าที่ (functions) หรือท ำ�กิจกรรม
ต่างๆ (activities) เฉพาะด ้าน เช่น รัฐสภา (parliaments) ทำ�หน้าที่ด ้านนิติบัญญัติ ระบบร าชการ (bureau-
cracies) ดำ�เนินน โยบายต ่างๆ ไปส ูเ่ป้าห มาย และพ รรคการเมือง (political parties) ทำ�หน้าทีร่ วบรวมค วาม
ต้องการของสมาชิกห รือก ลุ่มต ่างๆ ในส ังคมเข้าสู่ระบบการเมือง เป็นต้น ซึ่งจ ะทำ�ให้ระบบการเมืองส ามารถ
จัดทำ�และด ำ�เนินก ารน โยบายต่างๆ ได้ เหตุน ี้ ระบบ โครงสร้างห รือส ถาบันทางการเมือง และการทำ�หน้าที่จ ึง
เป็นท ั้งส ่วนเฉพาะแ ละเป็นส่วนทั้งหมดข องกระบวนการท างการเมือง (political processes) ที่ด ำ�เนินไปอ ยู่
เกือบต ลอดเวลา
ส่วนส ภาพแวดล้อมทางด ้านต่างๆ (environments) ของระบบการเมือง แยกได้เป็น 2 ส่วน หรือ
2 มิติ กว้างๆ คือ ภายในสังคมกับภายนอกสังคม สภาพแวดล้อมภายในสังคมก็คือ ส่วนของคนหรือกลุ่ม
คนในส ังคมแ ละส ภาพแ วดล้อมท างธ รรมชาติโดยท ั่วไป สภาพแ วดล้อมภ ายนอกส ังคมก ็เช่นเดียวกัน คือ คน
และก ลุ่มคนจากส ังคมอ ื่น และล ักษณะทางธ รรมชาติโดยท ั่วไปข องส ังคมอ ื่น รวมท ั้งสภาพท างก ายภาพ คือ
ป่าไม้ ภูเขา แม่นํ้า ทะเล และสภาพท างภูมิอากาศ และภ ูมิศาสตร์โดยท ั่วไป
ระบบการเมืองจึงมีปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมทางด้านต่างๆ ในมิติที่ระบบการเมืองมีอิทธิพล
ต่อสภาพแวดล้อม ก็คือ ระบบการเมืองได้ตัดสินใจกำ�หนดนโยบายสาธารณะและนำ�ออกมาสู่กระบวนการ
ปฏิบัติ และอ าจมีผ ลกร ะท บหลายๆ ลักษณะและอ าจม ีระดับลึกซ ึ้งต ่อภาคส ่วนต ่างๆ ในส ังคมห รือต่อสังคม
ภายนอก ตั้งแต่ด้านกายภาพคือการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมต่างๆ เช่น การสร้างถนน สร้างเขื่อน สร้าง
อาคารสถานท ี่ และการส ร้างโรงงานอ ุตสาหกรรม เป็นต้น ไปจนถึงผลต ่อก ารเปลี่ยนแปลงค่าน ิยม ความคิด
ความเชื่อ หรือว ัฒนธรรมของคนในสังคม เช่น การจ ัดการศึกษา การนำ�เอาความรู้ใหม่ๆ มาส ู่ส ังคม และการ
ปลูกฝังอุดมการณ์ทางการเมืองตามแนวคิดแ ละแนวทางของกลุ่มชนชั้นนำ�ทางการเมือง (political elites)
เป็นต้น ในท างกลับกัน สภาพแวดล้อมสามารถม ีอ ิทธิพลต ่อระบบการเมืองในห ลายม ิติ หรือหลายลักษณะ
ตั้งแต่การเรียกร้องเชิงผลประโยชน์ หรือความต้องการของบุคคล กลุ่มคน องค์กรและสถาบันต่างๆ เข้าสู่
ระบบการเมือง หรือเรียกว่า “ส่วนนำ�เข้าสู่ระบบ” (inputs) และถ้าสภาพแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงไปใน
หลายๆ ด้าน “ส่วนน ำ�เข้าส ู่ร ะบบ” ก็ยิ่งม ีม ากมายแ ละอ าจม ีร ะดับค วามต ้องการท ี่ร ุนแรงห รือม ีพ ลังก ดดันต ่อ