Page 54 - การวิจัยการบริหารการศึกษา หน่วยที่ 1
P. 54

1-44 การวิจัยการบริหารการศึกษา

       1. 	ทฤษฎีระบบสังคม มาจากแนวคิดของเกทเซลส์และกูบา ที่มองระบบบริหารเป็นระบบงานทาง
สังคม ซึ่งประกอบด้วยสองมิติ คือ สถาบันมิติ (nomothetic) และบุคลามิติ (idiographic) พฤติกรรมที่
เกิดขึ้นเป็นผลมาจากปฏิกิริยาระหว่างมิติทั้งสองเมื่อบุคคลเข้าทำ�งานหน่วยหนึ่ง ย่อมได้รับมอบหมายหน้าที่
จากหน่วยงานหรือสถาบันนั้น บุคคลจะแสดงบทบาทหรือพฤติกรรมตามสถาบันกำ�หนด นั่นคือ พฤติกรรม
เป็นไปตามแบบสถาบันมิติ ในขณะเดียวกันบุคคลย่อมมีบุคลิกภาพของตัวเอง มีความต้องการส่วนบุคคล
นั่นคือ มีพฤติกรรมด้านบุคลามิติ ความต้องการทั้งสองระบบนี้อาจจะตรงกันหรือขัดแย้งกันก็ได้ หน้าที่
ของนักบริหารก็คือผสมผสานให้มิติทั้งสองเป็นไปด้วยกันเพื่อให้หน่วยงานนั้นทำ�งานบรรลุจุดมุ่งหมาย ใน
การนี้ผู้บริหารอาจใช้ทั้งอำ�นาจ (power) และบารมี (influence) กล่าวคือ ใช้อำ�นาจทางด้านสถาบันมิติ คือ
มอบหมายหรือสั่งงานตามระเบียบแบบแผนเพื่อให้งานนั้นสำ�เร็จ ในขณะเดียวกันผู้บริหารก็อาจใช้บารมี
ทางด้านบุคลามิติ เช่น ถ้าผู้บริหารเป็นที่รักใคร่นับถือ ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาก็ยินดีปฏิบัติตามโดยไม่ต้อง
ออกคำ�สั่งก็ได้ ทฤษฎีระบบสังคมนี้ทำ�ให้มองอำ�นาจ (power) และบารมี (influence) ของผู้บริหารได้ชัดแจ้ง

       2. 	ทฤษฎีภาวะผู้นำ� เป็นอีกทฤษฎีหนึ่งที่ใช้มากในการบริหารการศึกษา โดยเฉพาะได้มาจาก
แนวคิดของ เฮมฟิลล์ (Hemphill) และคูนส์ (Coons) ซึ่งได้พัฒนาเป็นแบบสอบถามอธิบายพฤติกรรมของ
ผู้นำ� (Leader Behavior Description Questionnaire — LBDQ) ต่อมาฮอลพินและไวเนอร์ได้ปรับปรุง
แบบสอบถามและได้ค้นพบพฤติกรรมของผู้นำ�แบ่งออกเป็นสองประเภท คือ การมีความริเริ่ม (initiating
structure) และการมีดุลยพินิจ (consideration) การมีความคิดริเริ่มก็คือความสนใจริเริ่มเกี่ยวกับงาน
การมีดุลยพินิจก็คือ ความสนใจในคน ถ้าจะสรุปพฤติกรรมของผู้นำ�อย่างย่อ ๆ ก็คือสนใจในงานและสนใจ
ในคน ทฤษฎีนี้ก็คล้ายกับทฤษฎีระบบสังคม สนใจในงานนั้นเทียบได้กับสถาบันมิติ และสนใจในคนนั้นก็
คล้ายกับบุคลามิติ ทฤษฎีภาวะผู้นำ�กล่าวว่า ผู้นำ�ที่มีประสิทธิภาพนั้นจะสนใจในงานสูงและในคนก็สูงด้วย
อย่างไรก็ตามทฤษฎีภาวะผู้นำ�ได้มีการพัฒนาต่อยอดมาเป็นระยะ ๆ จนถึงปัจจุบันนี้มีหลากหลายแนวคิด
ซึ่งส่วนใหญ่มีแนวคิดร่วมกันคือ การศึกษาภาวะผู้นำ�ของผู้บริหารการศึกษาควรมองหลายมิติประกอบกัน
ทั้งด้านพฤติกรรมของผู้บริหารตัวผู้ตาม และสถานการณ์ด้วย

       3. 	ทฤษฎกี ารตดั สินใจ เปน็ อกี ทฤษฎหี นึง่ ทีใ่ ชก้ ันมากในการศกึ ษาพฤตกิ รรมของผู้บริหาร ทฤษฎนี ี้
ไดม้ าจากอทิ ธพิ ลของบารน์ ารด์ (Barnard) ไซมอน (Simon) ลธิ ชฟลิ ด์ (Litchfield) และกรฟิ ฟธิ ส์ (Griffiths)
ผู้ศึกษาค้นคว้าทฤษฎีนี้มากก็คือ กริฟฟิธส์ซึ่งเสนอทฤษฎีว่า การบริหารก็คือ การตัดสินใจ หน้าที่ของ
นักบริหารก็คือการควบคุมดูแลให้กระบวนการตัดสินใจเป็นอย่างมีประสิทธิภาพ โอกาสที่จะตัดสินใจใน
องค์การมีอยู่ 3 โอกาส ดังนี้ 1) เมื่อมีนโยบายระเบียบแบบแผนหรือคำ�สั่งที่จะต้องปฏิบัติตาม (intermedi-
ary decision) 2) เมื่อมีเรื่องราวร้องทุกข์หรือข้อขัดแย้งจากผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา (appellate decisions)
ผู้บริหารก็จะต้องตัดสินใจ หน่วยงานใดที่มีการตัดสินใจแบบนี้มากแสดงว่าหน่วยงานนั้นย่อมมีปัญหามาก
และ 3) เมือ่ ผูบ้ รหิ ารตอ้ งการปรบั ปรงุ เปลีย่ นแปลงหรอื ท�ำ สิง่ ใหม่ (creative decisions) การตดั สนิ ใจประเภท
นีเ้ ป็นสิ่งสำ�คญั ยิ่งสำ�หรบั นกั บรหิ ารระดับสูง และมักเป็นเครื่องชีถ้ งึ สมรรถภาพของผูบ้ ริหารดว้ ย สาระสำ�คญั
ของทฤษฎีการตัดสินใจก็คือกระบวนการตัดสินใจ เนื้อหาสาระของการตัดสินใจ และการใช้สารสนเทศใน
การตัดสินใจ ปัจจุบันระบบสารสนเทศสำ�หรับผู้บริหารก็เป็นเรื่องหนึ่งที่กำ�ลังเป็นที่สนใจกันมาก
   49   50   51   52   53   54   55   56   57   58   59