Page 16 - การวิจัยและสถิติทางการศึกษา หน่วยที่ 6
P. 16
6-6 การวิจัยและสถิติทางการศึกษา
จากความหมายพุทธิพิสัยของนักวิชาการทางการศึกษาที่ให้ความหมายนั้น สามารถนำ�มาสรุปได้
ว่า พุทธิพิสัย เป็นค วามสามารถด ้านการเรียนรู้เนื้อหาว ิชาต ่างๆ ที่เกี่ยวก ับค วามส ามารถทางส ติป ัญญาหรือ
เกี่ยวข้องก ับค วามคิด โดยจำ�แนกพ ฤติกรรมจ ากพ ฤติกรรมง่ายไปส ู่พฤติกรรมที่ซับซ ้อน
พฤตกิ รรมด า้ นพุทธิพ สิ ัย
พฤติกรรมด ้านพ ุทธพิ ิสัยเป็นพ ฤติกรรมด ้านค วามส ามารถท างส ตปิ ัญญาข องบ ุคคล พฤติกรรมด ้าน
พุทธพิ ิสัยท ีใ่ชก้ ันอ ย่างก ว้างข วางในก ารศ ึกษาเสน อโดยบ ลูม (Bloom, 1954) ซึ่งจ ำ�แนกค วามส ามารถท างด ้าน
พุทธิพิสัยออกเป็น 6 ระดับ ได้แก่ ความรู้ความจำ� ความเข้าใจ การนำ�ไปใช้ การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ และ
การป ระเมินค่า ลักษณะความส ามารถท ั้ง 6 ระดับม ีล ักษณะเป็นกร ะบ วนการทางป ัญญาท ี่เป็นลำ�ดับขั้นแ ละ
ค่อยๆ เพิ่มความซ ับซ้อนข ึ้นเรื่อยๆ จนก ระทั่งถ ึงขั้นสุดท้าย
พฤตกิ รรมดา้ นพ ทุ ธิพ ิสยั ข องบลมู
พฤติกรรมด ้านพ ุทธิพิสัยของบลูม จำ�แนกอ อกเป็น 6 ระดับ ดังนี้
1. ความร -ู้ ความจ �ำ (knowledge) หมายถ ึง ความส ามารถท างส มองข องผ ูเ้รียนในก ารร ับร ู้ (ฟัง/อ่าน)
รักษาความร ู้ (จำ�) และร ะลึก (ตอบ) ถึงเรื่องราวที่เคยได้เรียนร ู้แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องร าวที่เป็นป ระสบการณ์ท ี่เคย
เรียนร ู้ในห้องเรียน เป็นความรู้ที่ได้จากก ารเรียนก ารส อนโดยตรง เป็นค วามรู้ท ี่ตรงตามค ำ�บรรยาย เอกสาร
หรือตำ�รา ทั้งนี้ ผู้เรียนไม่จำ�เป็นต้องนำ�ความรู้ที่ได้รับไปเรียบเรียงใหม่ ความรู้ที่จะให้บุคคลแสดงความ
สามารถในก ารจำ�ได้
ตัวอย่างของความร ู้–ความจ ำ� เช่น
- บอกความห มายข องการวิจัยทางการศ ึกษาได้
- บอกห ลักก ารวัดแ ละประเมินผ ลได้
- ระบุป ระเภทข องเครื่องม ือว ิจัยได้
2. ความเขา้ ใจ (comprehension) หมายถึง เป็นความสามารถในการใช้กระบวนการทางความคิด
ในก ารนำ�ความร ู้ท ี่ได้ร ับม าจ ากป ระสบการณต์ ่างๆ มาท ำ�ให้ม คี วามห มายข ึ้น โดยก ารอ ธิบายต ัวค วามร ูห้ รือข ้อ
เท็จจ ริงในร ูปแ บบใหม่ท ี่ม ีเค้าเหมือนเดิม ตลอดจ นส ามารถจ ับเอาข ้อเท็จจ ริงต ่างๆ มาส ัมพันธ์ก ันจ นส ามารถ
กล่าวได้เป็นอ ีกแบบหนึ่ง จนถึงขยายค วามส ัมพันธ์น ั้นๆ ออกไปให้ก ว้างไกลจ ากข้อเท็จจริง
ตัวอย่างข องค วามเข้าใจ เช่น
- แปลค วามห มายของกราฟเส้นได้
- อ่านเนื้อเรื่องแ ล้วสรุปจุดมุ่งห มายข องผู้แ ต่งได้
- คาดค ะเนเรื่องราวที่เกิดขึ้นก ่อนเหตุการณ์นี้ได้
3. การน�ำ ไปใช้ (application) หมายถึง ความสามารถในการนำ�ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องท ี่เรียนรู้
มาแ ล้วไปแ ก้ป ัญหาท ี่แ ปลกใหม่ หรือส ถานการณ์ท ี่ไม่เคยพ บเห็นม าก ่อน แต่อ าจใกล้เคียงห รือค ล้ายคลึงก ัน
ความส ามารถในก ารนำ�ไปใช้ ได้แก่ การก ำ�หนดส ถานการณ์ที่ส ามารถน ำ�หลักก าร กฎเกณฑ์ท ี่เคยเรียนร ู้ไปใช้
หรือการแ ก้ไขป ัญหาใหม่โดยอาศัยห ลักการท ี่ได้เรียนรู้มาแล้ว