Page 69 - หลักการและแนวคิดทางการปฐมวัยศึกษา หน่วยที่ 4
P. 69

รูปแบบของการจัดการศึกษาปฐมวัย 4-59

ต่อสุขภาพกาย กิริยาท่าทาง อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด โดยไม่รู้ตัวและจะฝังแน่นไปจนโต การจัดการศึกษา
เพื่อเด็กจึงต้องคัดเลือกแต่สิ่งที่ดีงามให้แก่เด็ก และปกป้องเด็กจากสิ่งที่จะทำ�ลายความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
ซึ่งเป็นความดีงามที่ติดตัวเด็กมา ด้วยแนวคิดดังกล่าว การจัดบรรยากาศภายในห้องเรียน อาคารเรียน และ
บริเวณโรงเรียนจึงเป็นองค์ประกอบสำ�คัญ ความงดงามของธรรมชาติจะปรากฏอยู่ ทั้งกลางแจ้งและภายใน
อาคาร ภาพศิลปะ งานประติมากรรม กลิ่นหอมของธรรมชาติเป็นส่วนที่ทำ�ให้บรรยากาศสงบและอ่อนโยน

       สีที่เหมาะสมกับเด็กแรกเกิดถึง 7 ปี คือ สีส้มอมชมพู เพราะเป็นสีที่นุ่มนวลทำ�ให้เด็กรู้สึกถึงความ
รักความอบอุ่นและช่วยให้ร่างกายสดชื่นแจ่มใส ไม่เคร่งเครียดอ่อนล้า ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้เด็กสงบมี
สมาธิต่อจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของตน ไม่ตื่นเต้นลุกลี้ลุกลนจนไม่สามารถอยู่นิ่งได้

       แสงที่พอเหมาะกับเด็กอนุบาล คือ แสงธรรมชาติที่ไม่จ้าเกินไปหรือมืดทึมเกินไป แสงที่จ้าเกินไป
ทำ�ให้เกิดความร้อน และเด็กจะขาดสมาธิ ม่านผ้าจะช่วยกรองแสงให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ ถ้าห้องมืดเกิน
ไปควรใช้ไฟที่แสงสว่างเช่นเดียวกับแสงอาทิตย์โดยเปิดไฟหรือตั้งโคมไฟในบางจุดที่จำ�เป็น ไม่จำ�เป็นต้อง
เปิดไฟทั่วทั้งห้อง การทำ�กิจกรรมในห้องที่มีแสงตามธรรมชาติช่วยให้เด็กปรับตัวให้เรียนรู้โดยไม่ต้องอาศัย
สิ่งเร้าเกินจำ�เป็น

       เสียง เป็นสิ่งเร้าที่เด็กไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เมื่อเด็กเห็นแสงหรือสีที่รุนแรงเกินไป เด็กสามารถ
หลับตาหรือหันไปทางอื่นได้ แต่เด็กจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงเสียงที่ดังหรือเร่งเร้าเกินไปได้ เด็กอาจจะยกมือ
ขึ้นอุดหูแต่ก็ทำ�ได้ชั่วขณะ ดังนั้น เสียงที่เป็นโทษเหล่านั้นก็จะเข้าสู่โสตประสาทและจิตใจของเด็ก โดยเด็ก
ไม่อาจปฏิเสธได้ เสียงที่ดังเกินไปและไม่ไพเราะงดงาม รบกวนความสงบภายในของเด็ก ทำ�ให้เด็กขาด
สมาธิหงุดหงิดโดยไม่รู้สาเหตุเสียงที่ไพเราะอ่อนโยนและดังพอเหมาะช่วยให้จิตใจอ่อนโยน ด้วยเหตุนี้เสียง
ธรรมชาติ เช่น นกร้อง ลมพัด ใบไม้ ฝนตก เสียงดนตรีและเพลงที่ไพเราะอ่อนโยน และความเงียบเป็นส่วน
สำ�คัญในการจัดบรรยากาศเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านทั้งจิตใต้สำ�นึก และจิตสำ�นึกของเด็กตลอดทั้งวัน

       จะเห็นได้ว่าการจัดสภาพแวดล้อมและบรรยากาศของสถานศึกษาปฐมวัยก่อให้เด็กปฐมวัยเกิด
การเรียนรู้ตามอัธยาศัย ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ สถานศึกษาจะต้องเลือกสรรสิ่งที่ดีเพื่อให้เด็กได้ซึมซับ และ
เรียนรู้ตลอดเวลา

       2) 	การสร้างสถานศึกษาให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ประเวศ วะสี (2554) กล่าวว่า สังคมแห่ง
การเรยี นรู้ เปน็ สภาวะแวดลอ้ มในสงั คมทจี่ �ำ เปน็ ตอ่ การเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ตามเปา้ หมายของการปฏริ ปู การศกึ ษา
คุณลักษณะของสังคมแห่งการเรียนรู้อาจรวมถึง

            (1) 	จิตสำ�นึกแห่งการเรียนรู้ ประชาชนทุกวัยมีจิตสำ�นึกรักการเรียนรู้จำ�เป็นต้องรณรงค์
ปลูกจิตสำ�นึกรักการเรียนรู้ให้เยาวชนและประชาชนตื่นตัวจนซึมซับกลายเป็นค่านิยม

            (2) 	การอ่านเป็นระเบียบวาระของชาติ การอ่านเป็นประตูบานใหญ่ที่สุดของการค้นคว้า
หาความรู้ไม่ใช่เพียง “อ่านหนังสือออก” แต่รวมความถึง “การอ่านทำ�ความเข้าใจ คิดวิเคราะห์ และพัฒนา
เป็นความรู้เพื่อใช้ในสังคม”

            (3) 	องค์กรทุกองค์กรเป็นสถาบันพัฒนาคน บรรยากาศของการเรียนรู้สามารถมีขึ้นได้ในทุก
องคก์ รจะเปน็ การเพิม่ ผลติ ภาพของแรงงานไทยไปพรอ้ มกนั บรรยากาศการเรยี นรูใ้ นองคก์ รยอ่ มจะถา่ ยทอด
จากบุคลากรขององค์กรไปสู่เยาวชนผ่านทางครอบครัว
   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74