Page 41 - การวิจัยเพื่อพัฒนาการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย หน่วยที่ 10
P. 41
การว ิจัยเชิงท ดลองในก ารศ ึกษานอกระบบและการศ ึกษาต ามอ ัธยาศัย 10-31
เนื่องจากการวิจัยทางการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยนั้นเกี่ยวข้องกับตัวแปรเป็น
จำ�นวนมาก ถ้ามีการควบคุมอย่างสมบูรณ์แล้วสภาพการณ์ของการทดลองอาจแตกต่างไปจากสภาพการณ์
ที่เป็นจ ริงม าก การว ิจัยจ ึงต ้องม ีก ารย ืดหยุ่นเกี่ยวก ับก ารค วบคุมต ัวแปรภ ายนอกเพื่อให้ส ภาพก ารณ์ข องก าร
ทดลองมีล ักษณะคล้ายคลึงกับธรรมชาติ ทำ�ให้การส รุปอ้างอิงไปยังป ระชากรทำ�ได้กว้างข วางข ึ้น จึงน ิยมใช้
การว ิจัยกึ่งทดลอง
การวิจัยกึ่งทดลองมีหลายรูปแบบ บางรูปแบบมีกลุ่มตัวอย่างที่เป็นกลุ่มทดลองเพียงกลุ่มเดียว
ซึ่งเป็นร ูปแบบก ารว ิจัยท ี่มีค วามตรงภ ายในต่ำ� (low validity) บางร ูปแบบม ีกลุ่มควบคุมไว้เปรียบเทียบผ ล
กับกลุ่มทดลอง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ศึกษาในการวิจัยประเภทนี้มักจะมีลักษณะที่เป็นกลุ่มอยู่เดิม เช่น เป็น
ช ั้นเรียน หรือห ้องเรียน อาจเป็นกลุ่มท ี่จัดข ึ้นจ ากกลุ่มเดิมก็ได้โดยไม่ใช้การสุ่มเข้าก ลุ่ม
ดังน ั้น ลักษณะข องก ารวิจัยก ึ่งท ดลอง จึงม ีลักษณะด ังนี้
1. มีก ารจัดกระทำ� (manipulation) กับต ัวแปรต ้นห รือ ที่เรียกว ่า ตัวแปรท ดลอง
2. มีก ารควบคุมต ัวแปรแ ทรกซ้อนบ้าง
3. ไม่มีก ารส ุ่มเข้ากลุ่ม
แบบก ารวิจัยก ึ่งท ดลองมีจุดแข็งห รือจ ุดเด่นด ังนี้
1. ข้อดที ีแ่ ตกต ่างไปจ ากก ารว ิจัยเชิงท ดลองแ บบแ ทใ้นเรื่องก ารส รุปอ ้างอิงไปห าป ระชากรภ ายนอก
ทั่วไป (generalization) คือ การวิจัยก ึ่งทดลองน ั้น มีก ารจ ัดกระทำ�ในสภาพการณ์ที่คล้ายกับธ รรมชาติ หรือ
มีความเป็นธรรมชาติมากกว่าการวิจัยเชิงทดลองแบบแท้ หากนักวิจัยใช้กลุ่มตัวอย่างที่มีขนาดใหญ่มากก็
สามารถลดป ัญหาค วามตรงภายนอก กล่าวคือ อาจทำ�ให้งานว ิจัยนั้นมีความตรงภ ายนอกสูงขึ้น โดยผลก าร
วิจัยที่ได้ส ามารถสรุปอ้างอิงไปห าประชากรภายนอกได้ดีกว่าก ารวิจัยเชิงท ดลองแ บบแ ท้
2. การวิจัยกึ่งทดลองเป็นแบบการวิจัยที่ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน มีข้อจำ�กัดเล็กน้อย ทำ�ให้ง่ายต่อการ
ดำ�เนินการ
การวิจัยกึ่งทดลองมีข้อจำ�กัดอยู่บ้างเนื่องจากการวิจัยกึ่งทดลองเป็นการวิจัยที่นักวิจัยควบคุม
ตัวแปรภายนอกหรือตัวแปรแทรกซ้อนได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ตัวแปรที่ไม่สามารถควบคุมได้อาจส่งผล
ต ่อตัวแปรตามเช่นก ัน การทดลองอาจท ำ�ให้การวิจัยนั้นมีความตรงภ ายในต่ำ�ได้
รูปแบบข องก ารว ิจัยก ึ่งท ดลอง ตามที่ องอาจ นัยพัฒน์ (2549: 270-273) แคมเบลล์ และสแตนลีย์
(Cambell and Stanley, 1966: 6-13) และ แฟร งเคล และว อลเลน (Fraenkel and Wallen, 2006: 271-273)
เสนอไว้ 7 แบบ ได้แก่ แบบที่ 1 การศึกษาแบบกลุ่มเดียว และวัดห ลังการท ดลอง แบบท ี่ 2 การศ ึกษาแ บบ
กลุ่มเดียว วัดก่อนและว ัดห ลังการทดลอง แบบที่ 3 การศึกษาแบบม ีก ลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม วัดหลัง
การทดลองเพียงค รั้งเดียว แบบที่ 4 การศึกษาก ลุ่มทดลองแ ละกลุ่มค วบคุม วัดก่อนและวัดห ลังการท ดลอง
แบบที่ 5 การศึกษาแบบกลุ่มเดียว วัดหลายครั้งแ บบอ นุกรมเวลา แบบท ี่ 6 การศ ึกษาส องกลุ่มว ัดหลายค รั้ง
แบบอนุกรมเวลา และแบบท ี่ 7 การศึกษาห ลายกลุ่มหมุนเวียนเข้ารับก ารทดลอง โดยมีส ัญลักษณ์ที่ใช้ในการ
อธิบายรูปแบบก ารว ิจัยก ึ่งท ดลอง ดังนี้