Page 77 - หลักการและทฤษฎีการศึกษาเกี่ยวกับวิชาชีพครู
P. 77
การใช้ภาษาอังกฤษในวิชาชีพครู 10-67
2) ศัพท์ท่ีท้ังรู้ความหมายและสามารถดึงมาใช้สร้างประโยคได้ (active vocabulary)
ศัพท์ประเภทนี้นักศึกษาทั้งรู้ความหมายและสามารถน�ำมาใช้ได้ เมื่อต้องการเขียนประโยคหรือข้อความเป็น
ภาษาอังกฤษ จึงเป็นประโยชน์ท้ังต่อการอ่านและการเขียน
ค�ำศัพท์ passive vocabulary ของคนแต่ละคนจะมีมากกว่าค�ำศัพท์ active vocabulary
ของเขาเสมอ ค�ำศัพท์ใหม่ท่ีได้รู้ความหมายจากการอ่านแต่ละค�ำจะมีสภาพเป็น passive vocabulary ก่อน
แต่เมื่อได้ใช้ค�ำศัพท์น้ันในการเขียนข้อความภาษาอังกฤษบ่อย ๆ จนเกิดความคุ้นเคย ค�ำศัพท์ ค�ำนั้นก็จะ
กลายมาเป็น active vocabulary ส�ำหรับคนผู้นั้น
การท่ีจะศึกษาเพ่ือให้เข้าใจความหมายของค�ำศัพท์ใหม่สามารถท�ำได้ 2 วิธี คือ การเดาความ
หมายของศัพท์จากประโยคหรือข้อความที่อ่าน และการเปิดพจนานุกรมเพ่ือศึกษาความหมายของศัพท์
ขออธิบายเพิ่มเติมส�ำหรับแต่ละวิธี ดังน้ี
2.1.1 การเดาความหมายของศพั ทจ์ ากขอ้ ความทอี่ า่ น ในการอ่านข้อความภาษาอังกฤษ แม้ว่า
ในบางคร้ังเราจะไม่สามารถเข้าใจความหมายของค�ำศัพท์บางค�ำ เนื่องจากเป็นค�ำศัพท์ใหม่ของเรา แต่เราอาจ
จะสามารถเดาความหมายของค�ำศัพท์นั้นได้จากข้อความในประโยคที่อ่าน โปรดดูตัวอย่างต่อไปน้ี
1) The albatross, with a wingspread of almost 12 feet, can fly for a long
distance.
2) The principle of decentralization is that the central government
delegates some administrative power to local authority.
จากประโยค 1) นักศึกษาสามารถเดาความหมายได้ว่า albatross คือ นกขนาดใหญ่
ชนิดหนึ่ง เพราะมีปีกกว้างและสามารถบินได้ไกล
จากประโยค 2) นักศึกษาสามารถเดาความหมายได้ว่า decentralization คือ การ
กระจายอ�ำนาจนั่นเอง
2.1.2 การเปิดพจนานุกรมเพื่อศึกษาความหมายของศัพท์ แม้ว่าในหลายกรณีนักศึกษาอาจ
เดาความหมายของเรอ่ื งทอี่ า่ นไดจ้ ากขอ้ ความในประโยคทอ่ี า่ น แตก่ ย็ งั มคี วามจำ� เปน็ ทจี่ ะตอ้ งเปดิ พจนานกุ รม
เพื่อยืนยันความหมายของศัพท์น้ัน ๆ ในเร่ืองท่ี 10.3.1 นักศึกษาได้ศึกษาเก่ียวกับวิธีใช้พจนานุกรมแล้ว
จึงน่าจะรู้วิธีใช้พจนานุกรม เพ่ือค้นหาความหมายของค�ำศัพท์ที่ต้องการได้ ส่ิงที่ต้องการกล่าวเพ่ิมเติมในท่ีน้ี
ก็คือ ก่อนเปิดพจนานุกรม นักศึกษาต้องรู้เสียก่อนว่า ค�ำที่ต้องการค้นหาความหมายน้ันท�ำหน้าท่ีเป็น
ค�ำประเภทใด (ค�ำนาม ค�ำกริยา หรือค�ำขยาย) เพราะค�ำค�ำหนึ่งอาจท�ำหน้าท่ีได้หลายประเภท นอกจากน้ัน
เมื่อรู้ว่าค�ำค�ำนั้น ท�ำหน้าที่เป็นค�ำอะไรแล้ว ค�ำค�ำน้ันอาจมีความหมายหลายความหมาย จึงต้องเลือก
ความหมายที่ท�ำให้ประโยคน้ันอ่านรู้เรื่อง หากเลือกความหมายที่ผิดมาใช้ ก็จะท�ำให้ประโยคน้ันแปลแล้ว
ไม่รู้เรื่อง โปรดดูตัวอย่างชื่อบทความทางการศึกษาต่อไปนี้
A Study of Children’s Reflection on Fractions