Page 38 - ความรู้ทางสังคมศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักนิเทศศาสตร์
P. 38
13-28 ความรูท้ างสงั คมศาสตร์และเทคโนโลยีสำ� หรบั นกั นเิ ทศศาสตร์
การรวมประเทศในสมัยน้ัน หากแต่ลัทธิดังกล่าวไม่มีพิธีกรรมใดๆ อย่างไรก็ดีบางศาสนาผู้ก่อต้ังมีความ
มุ่งหมายให้เป็นเพียงหลักการด�ำเนินชีวิตของคนและสังคม ภายหลังมีผู้นับถือมากข้ึนจึงอนุโลมเรียกว่า
ศาสนา เช่น ลัทธขิ งจอื้ (ศาสนาขงจื้อ) ลัทธเิ ต๋า (ศาสนาเตา๋ ) เปน็ ตน้
ตารางที่ 13.2 เปรียบเทียบความแตกตา่ งระหวา่ งศาสนาและลทั ธิ
ศาสนา ลัทธิ
1. เกดิ ขน้ึ เพอ่ื ประโยชน์แก่มวลมนุษย์ 1. เกดิ ขึน้ เพ่ือประโยชน์แก่คนกล่มุ ใดกลมุ่ หน่งึ
2. คำ� สอนเนน้ ศลี ธรรมเปน็ หลกั มคี ำ� สอนเกยี่ วกบั จดุ 2. อาจไม่มคี �ำสั่งสอนเก่ียวกับศีลธรรม เน้น
จดุ มุง่ หมายในชวี ิตทีเ่ ป็นรปู ธรรม
มงุ่ หมายสงู สดุ ของชวี ติ ทง้ั โลกนแ้ี ละโลกหนา้ อาจ
เปน็ รูปธรรมหรอื นามธรรม 3. ค�ำสอนไม่มีลักษณะความศักด์สิ ิทธ์ิ
3. ค �ำสอนมีความศักดิ์สิทธ์ิเป็นส่ิงท่ีผู้นับถือเคารพ
บชู า 4. ไมม่ คี ัมภรี ์ทรี่ วบรวมคำ� สอนไว้เปน็ หมวดหมู่
4. มคี ัมภีร์ท่ีรวบรวมคำ� สอนไวเ้ ปน็ หมวดหมู่ แตอ่ าจมหี นังสอื ทเี่ จ้าของลทั ธแิ ตง่
เปล่ยี นแปลงไมไ่ ด้ 5. อาจมพี ิธกี รรมหรือไมม่ กี ไ็ ด้
5. มพี ิธีกรรม 6. ไมจ่ ำ� เป็นต้องมีสถาบนั
6. มสี ถาบนั มีการสบื ตอ่
2. ก�ำเนิดของศาสนา
นักวิชาการสาขาต่างๆ ดังเช่น นักจิตวิทยา นักมานุษยวิทยา นักสังคมศาสตร์หลายท่านต่าง
พยายามคน้ ควา้ หาค�ำตอบถงึ ต้นก�ำเนดิ ของศาสนา โดยมคี ำ� อธบิ ายว่าศาสนาเป็นส่งิ ทม่ี นษุ ยส์ รา้ งขน้ึ จาก
ทฤษฎีความกลัว ความกลัวเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์มักสัมพันธ์กับสิ่งเร้นลับและเมื่อกลัวก็ต้องหา
หนทางขจัด หรอื บางคนกล่าววา่ ศาสนาเกิดจากความไม่รู้ สงสัยและอธิบายด้วยทฤษฎีความไม่รู้ โดยใน
สมยั ดึกดำ� บรรพ์ มนุษยไ์ มม่ คี วามร้ทู ่ีจะเข้าใจปรากฏการณ์ธรรมชาติ จึงสร้างจนิ ตนาการถึงพลงั อ�ำนาจท่ี
อยู่เบ้ืองหลงั ว่า โลกเกิดข้นึ มาได้อย่างไร และจะเปน็ เช่นไรตอ่ ไป หรอื มคี ำ� อธิบายด้วยทฤษฎีการชดเชยท่ี
นกั มานษุ ยวทิ ยาและนกั สงั คมวทิ ยาตง้ั ขอ้ สงั เกตวา่ พระเจา้ ทศ่ี าสนาตา่ งๆ นบั ถอื มกั มลี กั ษณะคลา้ ยกนั คอื
เปน็ ผมู้ อี �ำนาจ แขง็ แรงสามารถใหค้ ณุ ใหโ้ ทษแกม่ นษุ ย์ ขณะเดยี วกนั กม็ เี มตตา สามารถคมุ้ ครองมนษุ ยไ์ ด้
ภาพท่ีว่าน้ีฟรอยด์นักจิตวิทยาเชื่อว่า คือภาพจ�ำลองของพ่อท่ีแข็งแรงสืบเนื่องจากการชดเชยในส่ิงท่ีหาย
ไป (ปรชี า ช้างขวัญยนื และสมภาร พรมทา, 2556: 44-45) นอกจากนยี้ ังมคี ำ� อธบิ ายวา่ ศาสนาเกิดจาก
ความต้องการที่จะสร้างความเช่ือขึ้นมา เพื่อช่วยควบคุมความประพฤติของคนในสังคม ให้สังคมสงบสุข
หรอื ศาสนาเกดิ จากความตอ้ งการทจ่ี ะพ้นจากความทุกข์ เช่น ความอดอยาก โรคระบาด ความแก่ ความ
ตาย การสูญเสยี เป็นต้น