Page 42 - ความรู้ทางสังคมศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับนักนิเทศศาสตร์
P. 42
13-32 ความร้ทู างสงั คมศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีสำ� หรับนักนิเทศศาสตร์
ของความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ ความกตญั ญรู คู้ ณุ เปน็ ตน้ หรอื จรยิ ธรรมของชาวครสิ เตยี นนกิ ายโปรเตสแตนสจ์ ะ
สอนว่าพระเจ้าก�ำหนดไว้ว่าการท�ำงานหนักเป็นหน้าที่ของทุกคน ดังนั้นจึงเป็นส่ิงเร้าให้คนเกิดความขยัน
อดทนต่องานทีล่ ำ� บาก
4.2 ช่วยในการรับและแก้ปัญหาของบุคคล ในชว่ งเวลาทมี่ นษุ ยป์ ระสบปญั หาต่างๆ ในชวี ิตเปน็
ทกุ ข์ หมดหวงั ศาสนามกั จะมบี ทบาสงู สามารถเปน็ ทพี่ ง่ึ ใหแ้ นวทางในการดำ� เนนิ ชวี ติ ชว่ ยสรา้ งพลงั ความ
เข้มแข็งทางจิตใจ ศาสนาสามารถตอบสนองความต้องการส่วนบุคคลในเร่ืองเก่ียวกับคุณค่าต่างๆ ความ
มัน่ คง ความปลอดภัย ทำ� ให้ลดความวิตกกังวล จิตใจสงบมพี ลงั เขม้ แขง็
4.3 ช่วยสร้างค่านิยม บรรทดั ฐานจารตี ประเพณี กฎหมายตา่ งๆ ทำ� ใหส้ งั คมเกดิ สนั ติ ดงั ทสี่ งั คม
ในสมยั กอ่ นเมอื่ ยงั ไมม่ กี ฎหมาย แตส่ งั คมกไ็ มว่ นุ่ วายทงั้ นเี้ พราะคนเชอื่ ในสงิ่ ศกั ดสิ์ ทิ ธทิ์ จี่ ะลงโทษผกู้ ระทำ�
สิง่ ที่ไม่สมควร
4.4 ช่วยในการควบคุมสังคมท�ำให้สังคมเกิดสันติ โดยศาสนาชว่ ยใหบ้ คุ คลยอมรบั คา่ นยิ ม ชว่ ย
ในการสรา้ งความมนั่ คงทางสงั คม การประกอบพธิ กี รรมทางศาสนาเปน็ การสง่ เสรมิ ใหส้ มาชกิ ในสงั คมรว่ ม
กนั ทำ� กจิ กรรม ประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นตามศลี ธรรมของศาสนาทน่ี บั ถอื อนั นำ� มาซง่ึ ความสามคั คขี องคนในสงั คม
นั้นๆ ดังจะเห็นว่าเม่ือมีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดข้ึนในสังคม ก็จะมีการจัดพิธีกรรมทางศาสนาและจะมีผู้เข้า
รว่ มพธิ เี ปน็ จำ� นวนมาก หรอื ในพธิ กี รรมของศาสนาตา่ งๆ ผทู้ น่ี บั ถอื ตา่ งมาจากหลายๆ แหง่ กอ่ ใหเ้ กดิ ความ
เป็นอันหนง่ึ อันเดียวกัน
4.5 ช่วยในการส่งเสริมและถ่ายทอดวัฒนธรรม ศาสนาเป็นบ่อเกิดของวัฒนธรรมในสังคม
มากมาย ทั้งในด้าน ภาษา วรรณคดี ศลิ ปะ ขนบธรรมเนยี มประเพณี โดยเฉพาะวฒั นธรรมทางคติธรรม
เชน่ ความเชอื่ เก่ียวกับความซ่ือสตั ย์ ประเพณีเก่ียวกับการบวช การเกดิ การตาย โบราณสถาน โบราณ
วตั ถุศาสนา เป็นตน้
โดยสรุปแล้ว ศาสนาหมายถงึ การเนน้ เกย่ี วกบั จติ วญิ ญาณ เปน็ เรอ่ื งความเชอ่ื ถอื ศรทั ธาในคำ� สอน
ใหป้ ระพฤตติ นในทางทด่ี งี ามเพอ่ื ความหลดุ พน้ กำ� เนดิ ของศาสนาอธบิ ายตามแนวทางสากลมี 3 แนวทาง
คือ การอธิบายตามแนวทางจิตวิทยา การอธิบายตามแนวทางสังคมวิทยาและแนวทางสุดท้ายเป็นการ
อธิบายตามแนวทางแบบผสมผสานระหว่างจิตวิทยาและสังคมวิทยา ส�ำหรับการแบ่งประเภทของศาสนา
มีการแบ่งได้หลายแบบ เช่น แบ่งตามความเชื่อ แบ่งตามข้อเท็จจริง แบ่งตามวิวัฒนาการ และแบ่งตาม
ลกั ษณะผ้นู บั ถอื ศาสนา ดา้ นหน้าท่ีของศาสนาในฐานะสถาบันส�ำคญั ของสงั คมมหี นา้ ที่ทัง้ ในต่อบคุ คลและ
สังคมหลายประการ คอื ชว่ ยในการศึกษาพฒั นาบุคคล ชว่ ยในการรบั และแกป้ ัญหาของบุคคล ช่วยสรา้ ง
คา่ นยิ ม บรรทดั ฐานจารตี ประเพณี กฎหมายตา่ งๆ ชว่ ยในการควบคมุ สงั คมทำ� ใหส้ งั คมเกดิ สนั ติ และชว่ ย
ในการสง่ เสรมิ และถ่ายทอดวฒั นธรรม