Page 63 - การวิจัยทางนิเทศศาสตร์
P. 63

การ​วิจัย​ประเมิน​ผล 12-53

            1.1 	ความร​ ู้ใ​นเ​นื้อเ​รื่อง
            1.2 	ความ​รู้​ใน​วิธีด​ ำ�เนิน​การ
            1.3 	ความร​ ู้​รวบ​ยอดใ​นเ​นื้อ​เรื่อง
       2. 	 ความ​เขา้ ใจ (Comprehension) ความเ​ข้าใจ​เป็น​ความส​ ามารถใ​น​การ​จับใจ​ความ​หรือร​ วบรวม​สาระส​ ำ�คัญ​
ของ​เรื่อง​ได้ ได้แก่ การ​แปล​ความ ตีความ และ​ขยาย​ความ​ใน​เรื่อง​นั้น ผู้​ที่​มี​ความ​เข้าใจ​จะ​ต้อง​รู้​ความ​หมาย​และ
ร​ ายล​ ะเอียดย​ ่อย ๆ ของเ​รื่องน​ ั้น รู้ค​ วามส​ ัมพันธ์​ระหว่างค​ วามร​ ู้ย​ ่อย ๆ เหล่าน​ ั้น สามารถอ​ ธิบาย​สิ่งน​ ั้นด​ ้วยภ​ าษาต​ นเอง​
ได้ พฤติกรรมน​ ี้จ​ ำ�แนกไ​ด้​เป็น 3 แบบ คือ
            2.1 	การแ​ ปลค​ วาม เปน็ ค​ วามส​ ามารถใ​นก​ ารบ​ อกค​ วามห​ มายต​ ามน​ ยั ข​ องเ​รือ่ งร​ าวห​ รอื ป​ รากฏการณน​์ ัน้ ๆ
            2.2 	การ​ตีความ เป็นการ​ถอดค​ วามห​ มาย​จากห​ ลายๆ ความ​หมายต​ าม​นัยข​ องเ​รื่องร​ าว หรือป​ ระเด็น​ที่​
ปรากฏน​ ั้นว​ ่า จากก​ าร​ที่ห​ ลาย ๆ ส่วน​ใน​เรื่อง​ราวห​ รือป​ รากฏการณ์​นั้น ๆ เป็นอ​ ย่างใ​ดอ​ ย่างห​ นึ่ง แสดงว​ ่าเ​รื่อง​ราวห​ รือ​
ปรากฏการณ์น​ ั้น​เป็น​อย่างไร
            2.3 	การ​ขยาย​ความ เป็นการ​คาด​คะเน​หรือ​พยากรณ์​ไป​สู่​กาล​ข้าง​หน้า (หรือ​ถอย​หลัง) โดย​อาศัย​
ข้อ​เท็จจ​ ริงท​ ี่เ​ป็น​อยู่
       3. 	 การน�ำ ​ไป​ใช้ (Application) การนำ�​ไปใ​ช้​เป็น​ความส​ ามารถใ​นก​ ารนำ�​ความ​รู้ ทฤษฎี หลัก​การ ข้อเ​ท็จจ​ ริง
ฯลฯ ไปแ​ ก้​ปัญหาใ​หม่ท​ ี่เ​กิดข​ ึ้น ความส​ ามารถ​ในก​ ารนำ�​ไป​ใช้เ​ป็นการแ​ ก้ป​ ัญหา​ซึ่ง​เป็น​เรื่องร​ าว​หรือเ​หตุการณ์​ใหม่ ๆ ที​่
เกิด​ขึ้น สามารถน​ ำ�​สิ่ง​ที่​เป็นป​ ระสบการณ์ไ​ปแ​ ก้​ปัญหาน​ ั้น ๆ ได้ส​ ำ�เร็จ
       4. 	 การ​วิเคราะห์ (Analysis) เป็น​ความ​สามารถ​ใน​การ​หา​ส่วน​ประกอบ​ที่​สำ�คัญ​ของ​เรื่อง​ราว​หรือปรากฏ-
การณ์ต่าง ๆ เรียก​ได้​ว่าเ​ป็นการแ​ ยกแยะ​หา​หัวใจ​ของ​เรื่อง มี 2 แบบ​คือ
            4.1 	การ​วิเคราะห์ค​ วามส​ ัมพันธ์ เป็นค​ วามส​ ามารถ​ในก​ ารห​ าความ​สัมพันธ์ข​ อง​ส่วน​ต่าง ๆ
            4.2 	การ​วิเคราะห์​หลัก​การ เป็น​ความ​สามารถ​ใน​การ​หา​หลัก​การ​ของ​ความ​สัมพันธ์​ของ​ส่วน​สำ�คัญ​ใน​
เรื่อง​ราวห​ รือป​ รากฏการณ์น​ ั้น ๆ ว่าส​ ัมพันธ์​กันอ​ ยู่​โดยอ​ าศัยห​ ลักก​ ารใ​ด
       5. 	 การส​ ังเคราะห์ (Synthesis) เป็นค​ วามส​ ามารถ​ในก​ าร​ประกอบส​ ่วน​ย่อย ๆ ให้เ​ข้าก​ ัน​ได้อ​ ย่างเ​ป็น​เรื่อง​ราว​
โดย​การ​จัด​ระบบ​โครงสร้าง​ใหม่​ให้​มี​ความ​เหมาะ​สม​และ​มี​ประสิทธิภาพ​ยิ่ง​กว่า​เดิม พฤติกรรม​นี้​แยก​ได้​เป็น 3 แบบ​
คือ
            5.1 	การ​สังเคราะห์​ข้อความ เป็น​ความ​สามารถ​ใน​การ​เรียบ​เรียง​ถ้อยคำ�​ให้​ผูกพัน​กัน​เป็น​เรื่อง​ราว​ใด​
เรื่อง​ราว​หนึ่ง​ได้​อย่าง​เป็น​เรื่อง​เป็น​ราว ซึ่ง​การ​ผูก​เรื่อง​ราว​นี้​ต้อง​อาศัย​ข้อมูล​หลาย​อย่าง​มาส​นับ​สนุน ทั้ง​ยัง​อาจ​ยก​
ตัวอย่าง​ประกอบ ใส่ค​ วามค​ ิด​เห็นส​ ่วน​ตัว ฯลฯ เพื่อช​ ่วย​ให้​ข้อความท​ ี่เ​ขียนก​ ระจ่างช​ ัด ได้​ความห​ มาย​ตามต​ ้องการ
            5.2 	การส​ ังเคราะห์แ​ ผนง​ าน ​เป็นค​ วามส​ ามารถใ​นก​ ารส​ ร้างโ​ครงการห​ รือแ​ ผนง​ านใ​นด​ ้านต​ ่าง ๆ โดยน​ ำ�​
ข้อมูลเ​รื่องร​ าว ฯลฯ ที่​กำ�หนด​ให้ มาห​ าว​ ิธี​ว่าจ​ ะ​ทำ�​อย่างไรจ​ ึงจ​ ะ​ทำ�ให้เ​รื่องท​ ี่​ต้องอ​ าศัย​ข้อมูลเ​หล่าน​ ี้​สามารถ​ดำ�เนินก​ าร​
ไป​สู่​เป้าห​ มาย​ได้ส​ ำ�เร็จ
            5.3 	การ​สังเคราะห์​ความ​สัมพันธ์ เป็น​ความ​สามารถ​ใน​การ​จัด​ระบบ​ของ​ข้อ​เท็จ​จริง​หรือ​ส่วน​ประกอบ​
เสียใ​หม่ ให้ส​ ำ�เร็จ​เป็นช​ ิ้นเ​ป็นอ​ ันใ​ห้​ได้ป​ ระโยชน์ห​ รือม​ ี​ประสิทธิภาพ​มาก​ขึ้นก​ ว่า​เดิม
       6. 	 การ​ประเมิน​ค่า (Evaluation) การ​ประเมิน​ค่า​เป็น​ความ​สามารถ​ใน​การ​ตัดสิน ตี​ราคา โดย​อาศัย​เกณฑ์
(criteria) และม​ าตรฐาน (standard) ที่ว​ างไ​ว้ พฤติกรรม​ด้าน​การ​ประเมินค​ ่าจ​ ำ�แนก​ได้เ​ป็น 2 แบบ คือ
            6.1 	ประเมิน​โดย​อาศัย​ข้อ​เท็จ​จริง​ภายใน เป็นการ​วินิจฉัย​ตี​ราคา​ตาม​ลักษณะ​ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​เป็น​เนื้อหา​
ของ​สิ่ง​นั้น ๆ
   58   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68