Page 25 - การวิจัยทางนิเทศศาสตร์
P. 25
การกำ�หนดตัวแปรและการวัด 3-15
ตวั อย่างความสมั พนั ธเ์ ชงิ ลบข องต ัวแปร เช่น
การใช้สื่อส ังคมออนไลน์ในป ริมาณเวลาท ี่ม ากทำ�ให้การสื่อสารในครอบครัวลดลง
กรณีข ้างต้นแ สดงว ่า ความสัมพันธ์ข องตัวแปรเป็นไปในท ิศทางตรงข ้าม เมื่อตัวแปรต ัวห นึ่งเพิ่มปริมาณข ึ้น
(ตัวแปรอิสระ ซึ่งคือปริมาณเวลาในการใช้สื่อสังคมออนไลน์) ทำ�ให้ตัวแปรอีกตัว (ตัวแปรตาม ซึ่งคือการสื่อสารใน
ครอบครัว) เกิดผลลดล ง
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร ยังอาจเป็นเส้นโค้ง ก็ได้
กจิ กรรม 3.1.3
โปรดอธบิ ายความสัมพันธร์ ะหว่างตัวแปรในเชิงล ักษณะและร ูปแบบ
แนวต อบก จิ กรรม 3.1.3
ความส มั พนั ธข์ องต วั แปร อธบิ ายไดเ้ ปน็ “ลกั ษณะ (nature) ของค วามส มั พนั ธ”์ และ “รปู แ บบ (pattern)
ของค วามส ัมพันธ”์
1. ลักษณะของความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร อธิบายว่า ตัวแปรสองตัวไม่เพียงแต่สอดคล้องหรือลง
รอยกัน แต่อาจเป็นสาเหตุของกันและกัน ความสัมพันธ์ของตัวแปรจึงมีได้ 2 ลักษณะ คือความสัมพันธ์แบบ
สหส มั พนั ธ์ (Correlational relationship) และความส ัมพนั ธเ์ชิงเหตผุ ล (Causal relationship)
1.1 ความสัมพันธ์แบบสหสัมพันธ์ อธิบายว่าสิ่งสองสิ่งแสดงปฏิกิริยาพร้อมกัน หรือเกิดการ
กร ะท �ำ พ ร้อมก นั
1.2 ความส มั พนั ธเ์ ชงิ เหตผุ ล อธบิ ายว า่ ส งิ่ ส องส ง่ิ ม คี วามเปน็ เหตแุ ละผ ลข องก นั แ ละก นั สง่ิ ห นง่ึ
เปน็ ตน้ เหตุ ในขณะทีอ่ กี ส ่ิงห นง่ึ เปน็ ผ ล
2. รปู แบบความสัมพนั ธข์ องต ัวแปร
2.1 ไม่มีความสมั พนั ธ์ (No relationship)
2.2 ความส มั พันธเ์ ชิงบวก (Positive relationship)
2.3 ความสมั พันธ์เชงิ ลบ (Negative relationship or Inverse relationship)