Page 70 - การวิจัยทางนิเทศศาสตร์
P. 70

6-60 การวิจัยทางนิเทศศาสตร์

เร่อื ง​ท่ี 6.3.2
การ​วิเคราะหค​์ วามส​ ัมพันธ​์แบบ​ส​เพยี รแ์​ มน

       การ​หาความ​สัมพันธ์​ของ​ตัวแปร 2 ตัวแปร​ที่มา​จาก​สิ่ง​เดียวกัน ข้อมูล​ที่​ได้​จาก​ตัวแปร​ทั้ง 2 ตัว​นี้ ต้อง
​อยู่​ใน​แบบ​เรียง​ลำ�ดับ (Ordinal Scale) เช่น ระดับ​การ​ศึกษา ขนาด​ของ​ธุรกิจ ใช้​การ​วิเคราะห์​สห​สัมพันธ์​แบบ​
สเ​พียร์​แมน​คำ�นวณ​ได้​จาก​สูตร

	  ρ	  =	  1—   6ΣD2
               N(N2 — 1)

เมื่อ	 ρ 	 แทน ค่าส​ ัมประสิทธิ์​สหส​ ัมพันธ์แ​ บบ​เรียงลำ�ดับหรือใช้แบบเรียงลำ�ดับ
	 ΣD2	แทน ผลร​ วมข​ อง​ผล​ต่างข​ อง​อันดับ​ข้อมูลแ​ ต่ละ​ชุด
	 N	 แทน จำ�นวนผ​ ู้ต​ อบ

       การ​ตั้งส​ มมติฐาน
            H0:	ρ	 = 0	 (ตัวแปรท​ ั้งส​ องไ​ม่มีค​ วามส​ ัมพันธ์​กันห​ รือ​เป็น​อิสระ​ต่อก​ ัน)
            H1:	ρ	 ≠ 0	 (ตัวแปรท​ ั้ง​สองม​ ีค​ วามส​ ัมพันธ์​กัน)

การแ​ ปล​ผลก​ ารว​ เิ คราะห​์ความ​สมั พันธ​แ์ บบ​ส​เพยี ร์แ​ มน

       การแ​ ปล​ผล​การ​วิเคราะห์ค​ วามส​ ัมพันธ์แ​ บบ​สเ​พียร์แ​ มน (Spearman rank correlation หรือ Spearman’s)
เหมือน​กับ​การ​แปล​ผล​ความ​สัมพันธ์​แบบ​เพียร์​สัน (Pearson product moment correlation) แต่​ต่าง​กันใน​ระดับ​
การว​ ัด​ตัวแปร กล่าวค​ ือ ความส​ ัมพันธ์เ​พียร์ส​ ัน​ใช้​วิเคราะห์ค​ วามส​ ัมพันธ์​ระหว่างต​ ัวแปร​ระดับ​การ​วัดแ​ บบอ​ ันตรภาค​
ส่วน​ความ​สัมพันธ์​แบบ​ส​เพียร์​แมน​ใช้​วิเคราะห์​ตัวแปร​ระดับ​การ​วัด​แบบ​เรียง​ลำ�ดับ ผล​การ​วิเคราะห์​ความ​สัมพันธ์​จะ​
ให้​คำ�​ตอบใ​น​คำ�ถามว​ ิจัยไ​ด้​เป็น 3 ลักษณะ คือ

       1)	 ตัวแปร​มีค​ วาม​สัมพันธ์​กัน​หรือ​ไม่ การ​ที่​ตัวแปร​มีค​ วาม​สัมพันธ์​กัน​แสดง​ว่า​มี​ความ​เกี่ยวข้อง​กัน ตัวแปร​
หนึ่งเ​ท่านั้น แต่​ไม่ไ​ด้​แปล​ความ​หมายว​ ่า​เป็น​สาเหตุข​ อง​อีก​ตัวแปร​หนึ่ง

       2) 	สัมพันธ์​กัน​ใน​ทิศทาง​ใด พิจารณา​จาก​เครื่องหมาย​ของ​ค่า​ดัชนี​สัมประสิทธิ์​สห​สัมพันธ์ ถ้า​เครื่องหมาย​
ของค​ ่า​ความ​สัมพันธ์​เป็นบ​ วกแ​ สดง​ว่า​ตัวแปร​ทั้งส​ อง​เปลี่ยนแปลง​ไป​ในท​ ิศทาง​เดียวกัน ส่วนเ​ครื่องหมาย​ของค​ ่า​ความ​
สัมพันธ์เ​ป็น​ลบ แสดง​ว่า ตัวแปรท​ ั้งส​ อง​มี​การ​เปลี่ยนแปลง​ไปใ​น​ทิศทาง​ตรงก​ ัน​ข้าม

       3)	 สัมพันธก์​ ันข​ นาดเ​ท่าใด พิจารณาจ​ ากค​ ่าด​ ัชนสี​ ัมประสิทธิส์​ หส​ ัมพันธแ์​ บบเ​พียรส์​ ัน ค​ ่าทีเ่​ข้าใ​กล้ –1.00 หรือ
+1.00 เช่น 0.9 หรือ -0.9 แสดง​ว่าม​ ี​ความ​สัมพันธ์ส​ ูง

       การห​ าความส​ ัมพันธ์ร​ ะหว่างต​ ัวแปรท​ ี่เ​ก็บข​ ้อมูล​จาก​กลุ่มต​ ัวอยา่ ง​จะแ​ ปลค​ วามห​ มายข​ นาดข​ องค​ วามส​ ัมพันธ​์
ได้ต​ ่อ​เมื่อ​พบ​ว่าท​ ดสอบด​ ้วย​สถิติแ​ ล้วพ​ บ​ว่า​มีน​ ัย​สำ�คัญท​ างส​ ถิติ​เท่านั้น

       ค่า​สัมประสิทธิ์​สห​สัมพันธ์ ต้อง​ไม่​แปล​ความ​หมาย​เป็น​เปอร์เซ็นต์ เช่น ความ​สัมพันธ์ 0.60 ไม่​ได้​แปล
​ความห​ มาย​ว่า ความส​ ัมพันธ์ร​ ะหว่างต​ ัวแปร คือ 60 เปอร์เซ็นตซ์​ ึ่งไ​ม่ถ​ ูกต​ ้อง หรือแ​ ปลว​ ่าม​ ีค​ วามส​ ัมพันธ์เ​ป็น 2 เท่าข​ อง​
ความส​ ัมพันธ์ 0.30 ซึ่ง​ไม่​ถูก​ต้อง​เช่น​กัน
   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74   75