Page 23 - การวิจัยทางนิเทศศาสตร์
P. 23

แนวคิดเบื้องต้นเกี่ยวกับการวิจัยนิเทศศาสตร์ 1-13

เรือ่ งท่ี 1.2.1
ววิ ฒั นาการของการวจิ ยั นิเทศศาสตร์

       หากไม่นับรวมการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการสื่อสารของมนุษย์ เมื่อราว 300 ปีก่อนคริสตกาลในสมัยกรีก
และโรมัน ซึ่งมีผลงานเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการพูดต่อหน้าสาธารณชนของ Plato และ Aristotle รวมทั้งผลงานเกี่ยวกับ
การสื่อสารในที่สาธารณะเพื่อการพัฒนาและธำ�รงรักษาระบบการปกครองและระบบสังคมของอาณาจักรโรมันของ
Cicero และ Quintilian อาจกล่าวได้ว่า การวิจัยนิเทศศาสตร์ได้ปรากฏเป็นรูปเป็นร่างอย่างชัดเจนในปลายศตวรรษ
ที่ 19 (ปาริชาต สถาปิตานนท์. 2545: 32)

       วิวัฒนาการของการวิจัยนิเทศศาสตร์นั้นเกิดขึ้นควบคู่มากับวิวัฒนาการของแบบจำ�ลองและทฤษฎี
ทางนิเทศศาสตร์ โดยอาจจะแบ่งวิวัฒนาการของการวิจัยนิเทศศาสตร์ได้เป็น 2 ช่วง ดังนี้

1. 	การวจิ ยั นเิ ทศศาสตร์ท่ีเนน้ การวจิ ยั เชิงประจกั ษ์

       การวิจัยนิเทศศาสตร์ในช่วงนี้จะพิจารณาการสื่อสารในเชิงพฤติกรรมศาสตร์ (Behavioral) และมองการ
สื่อสารเป็นแบบเส้นตรง (Linear) โดยเริ่มต้นศึกษาในสหรัฐอเมริกา แบบจำ�ลองการสื่อสารที่มีการกล่าวถึงกันมาก
คือ แบบจำ�ลองเข็มฉีดยา (Hypodermic Needle Model) ที่ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยมี
พื้นฐานมาจากแบบจำ�ลองสิ่งเร้าและการตอบสนอง (Stimulus-Response Model หรือ S-R Model) ซึ่งแบบจำ�ลอง
นี้มีสาระว่า สื่อมวลชนจะส่งสารไปยังผู้รับสารโดยตรงและบังเกิดผลตามที่สื่อมวลชนต้องการ แบบจำ�ลองนี้ถูกนำ�ไป
ใช้อธิบายความสำ�เร็จของการโฆษณาชวนเชื่อในช่วงเวลานั้น

       หลังจากนั้นได้มีการวิจัยเพื่อทดสอบแบบจำ�ลองดังกล่าว ผลปรากฏว่า ไม่เป็นไปตามนั้นทั้งหมด จึงทำ�ให้มี
การวิจัยเพื่อพัฒนาแบบจำ�ลองที่ให้ความสำ�คัญกับบริบทของการสื่อสารด้วย เช่น การวิจัยของ Paul Lazarsfeld ใน
ปี ค.ศ. 1930 ทำ�ให้ได้แบบจำ�ลองการไหลของข่าวสารแบบสองขั้นตอน (Two-step Flow Model) การวิจัยของ Kurt
Lewin ในปี ค.ศ. 1930 ทำ�ให้ได้แบบจำ�ลองผู้เฝ้าประตู (Gatekeeper Model) และการวิจัยของ Joseph Klapper
ในปี ค.ศ 1960 ทำ�ให้ได้แบบจำ�ลองเกี่ยวกับผลการสื่อสารอันจำ�กัด (Limited Effect Model) เป็นต้น

2. 	การวจิ ยั นิเทศศาสตรท์ ่เี น้นการวจิ ยั เชิงวิพากษ์

       ในระหว่างที่การวิจัยนิเทศศาสตร์ที่เน้นการวิจัยเชิงประจักษ์เกี่ยวกับผลกระทบของสื่อมวลชนดำ�เนินอยู่ใน
สหรัฐอเมริกานั้น การวิจัยนิเทศศาสตร์ในยุโรปได้เริ่มต้นอย่างจริงจังประมาณกลางทศวรรษที่ 1960 (ศิริชัย ศิริกายะ.
2531: 91) โดยเป็นการพิจารณาการสื่อสารในแบบองค์รวม (Holistic Approach) และมองการสื่อสารในเชิง
ปฏิสัมพันธ์ตอบสนอง (Transactional) ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากแนวคิดของ Karl Marx และพัฒนามาเป็นลัทธิ
มาร์กซ์ใหม่ในหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งนี้การวิจัยนิเทศศาสตร์ในช่วงนี้จะใช้แนวทางการวิจัยเชิงวิพากษ์ โดยจะไม่
ค่อยสนใจศึกษาผลกระทบของการสื่อสาร แต่จะมุ่งศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการสื่อสารกับอำ�นาจทางสังคม โดย
พยายามค้นหาความคิดที่ฝังอยู่ในเนื้อหาที่ปรากฏทางสื่อมวลชน เพราะเชื่อว่าเนื้อหาเหล่านั้นมาจากประสบการณ์
ของมนุษย์ที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยการกำ�หนดของโครงสร้างทางสังคม หรือมุ่งศึกษาการครอบงำ� ผูกขาด และควบคุม
สื่อมวลชน โดยใช้แนวคิดเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์การเมืองที่กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างส่วนล่างและ
โครงสร้างส่วนบนของสังคมมาใช้ หรือหากจะศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้รับสารก็จะไม่ได้เน้นการหาคำ�อธิบาย
เกี่ยวกับพฤติกรรม แต่มุ่งที่จะทำ�ความเข้าใจพฤติกรรมดังกล่าว หรือมุ่งตีความถึงความหมายของพฤติกรรมที่เกิดขึ้น
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28